วันนี้ พันเอก ดร.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. บรรยายสรุปภาพรวมอุตสาหกรรมโทรทัศน์ปี 2558 และทิศทางของปี 2559 โดยเน้นไปที่ความเปลี่ยนแปลงของทีวีดิจิตอล ในภาพรวมแล้ว สัดส่วนการรับชมทีวีดิจิตอล 21 ช่องใหม่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ทีวี 6 ช่องดั้งเดิมมีสัดส่วนผู้ชมลดลง ตัวเลขจากการสำรวจของ Nielsen ในเดือนธันวาคม 2558 คือช่องเก่า 62% และช่องใหม่ 38% ในแง่อุปกรณ์การรับชม เคเบิลทีวีและดาวเทียมยังมีสัดส่วนสูงสุด มีใช้งานใน 76% ของครัวเรือนทั่วประเทศ ส่วนตัวเลขการเข้าถึงทีวีแอนะล็อกเดิมคือ 26% และทีวีดิจิตอลคือ 15% อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ใช้เคเบิลทีวีและดาวเทียมก็มักดูช่องภาคพื้นดิน (ทั้งแอนะล็อกและดิจิตอล) มากกว่าช่องดาวเทียมล้วนๆ อยู่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากกฎ Must Carry ที่ทำให้สัญญาณช่องภาคพื้นได้แพร่ภาพผ่านเคเบิล-ดาวเทียมด้วย ถ้าดูเฉพาะอุปกรณ์รับชมทีวีดิจิตอลภาคพื้นดินในท้องตลาด ทีวีที่รับสัญญาณดิจิตอลได้ในตัว 4.4 ล้านเครื่อง กล่องเซ็ตท็อปขายหรือแลกไปแล้ว 8.7 ล้านกล่อง อุปกรณ์อื่นๆ เช่น สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ที่รับสัญญาณดิจิตอลได้ 1.4 ล้านเครื่อง ฝั่งของเม็ดเงินโฆษณา ทีวีดิจิตอล 21 ช่องใหม่ ชิงส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณาได้มากขึ้น โดยตัวเลขของปี 2558 ทั้งปี ทีวีดิจิตอลชิงส่วนแบ่งได้ 27% ช่องเก่ายังครองตลาด 73% ถ้าดูอัตราการเติบโตระหว่างปี 2557-2558 จะเห็นว่ามูลค่าการโฆษณาใน 6 ช่องเดิมลดลง 9.8% ส่วนช่องใหม่เติบโต 143.83% ส่วนเรื่องเรตติ้ง กรอบการวิเคราะห์ของ กสทช. แยกผู้ประกอบการช่องดิจิตอลเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ ช่องเดิม เช่น ช่อง 3, 7, 9 กลุ่มผู้ผลิตรายการทีวีรายใหญ่ ที่หันมาทำช่องทีวีเอง เช่น Workpoint, RS, GMM กลุ่มผู้ผลิตรายการทีวีขนาดกลาง-เล็ก เช่น Spring News, Bright TV, Voice TV กลุ่มที่มาจากธุรกิจอื่น เช่น ไทยรัฐ, Amarin, PPTV ผลจากการสำรวจเรตติ้ง พบว่ากลุ่มที่ 1 ที่ทำทีวีอยู่เดิม ยังครองอันดับต้นๆ แต่กลุ่มที่ 2 ก็มาแรงใน Top 10 ของช่องรายการทั้งหมด อันดับที่เหลือ มีทั้งกลุ่มที่ประสบความสำเร็จ และต้องปรับกลยุทธ์อีกมาก สำหรับคนที่สนใจ ผมแปะสไลด์ตัวเต็มที่มีรายละเอียดเพิ่มเติมไว้ให้ด้วยครับ NBTC, Digital TV, Broadcast,