หุ้นปตท.พุ่งสถิติสูงสุดรอบ8เดือน นักลงทุนเชื่อมั่นบอร์ดใหม่ ทำให้ภาพธุรกิจชัดเจน หนุนราคาหุ้นในกลุ่มปรับขึ้น ราคาหุ้นกลุ่มปตท.พุ่ง หลังแต่งตั้งกรรมการใหม่ 6 คน เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกรรมการใหม่ ประกอบด้วย นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายคุรุจิต นาครทรรพ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา นายพรชัย รุจิประภา นายกิติพงษ์ กิตยารักษ์ และ นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค แม้จะมีกระแสต่อต้านจากบางกลุ่ม แต่นักวิเคราะห์และนักลงทุนตอบรับในเชิงบวก วานนี้ (30 มิ.ย.) ราคาหุ้นปตท.หรือ PTT ปิดตลาดที่ระดับ 318 บาท ปรับขึ้น 6 บาท หรือ 1.92 % ทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 เดือน นับจากวันที่ 25 ต.ค.2556 ซึ่งขณะนั้นราคาหุ้นปตท.อยู่ที่ระดับ 320 บาทต่อหุ้น ส่วนหุ้นบริษัทในเครือ ประกอบด้วย บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) ปิดที่ 167.5 บาท ปรับขึ้น 2.50 บาท หรือ 1.52% ราคาหุ้นบริษัทไออาร์พีซี (IRPC) ปิดที่ 3.38 บาท ปรับขึ้น 0.04 บาท หรือ 1.20% ราคาหุ้นบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล ( PTTGC) ปิดที่ 67.5 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.37% ราคาหุ้นไทยออยล์ (TOP) ปิดที่ 52 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.95% และบริษัท บางจากปิโตรเลียม (BCP) ปิดที่ 29.5 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.72 % นักวิเคราะห์จากบล.เอเซียพลัส กล่าวว่านักลงทุนกำลังรอดูนโยบายของบอร์ดบริษัทปตท.ชุดใหม่ ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจของปตท.อย่างไร หากเป็นไปตามกระแสที่ระบุว่านายปิยสวัสดิ์ จะบริหารให้ราคาพลังงานสะท้อนตลาดที่แท้จริง ก็จะส่งผลให้มูลค่าหุ้นของปตท.สะท้อนมูลค่าตลาดมากขึ้น โดยบริษัทให้มูลค่ายุติธรรม (แฟร์แวลู) ของหุ้นปตท.อยู่ที่ 360 บาทต่อหุ้น “ตลาดหุ้นตอบรับในเชิงบวกต่อการตั้งบอร์ดปตท.ชุดใหม่ ทำให้ราคาหุ้นปตท.ปรับเพิ่มขึ้น สะท้อนความมั่นใจของนักลงทุน หลังจากในช่วงก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปตท.ถูกกดดันมาโดยตลอด จากปัจจัยทางการเมือง ทั้งการชุมนุมประท้วง และความกังวลของนักลงทุนว่าปตท.จะถูกนักการเมืองแทรกแซง” สำหรับบริษัทลูกของปตท.ได้รับผลบวก หรือ มีบรรยากาศการลงทุน (Sentiment) ในเชิงบวก เพราะความกดดันต่อการดำเนินธุรกิจลดลง ถ้านโยบายการดำเนินงานของปตท.จากนี้ไปชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก็ส่งผลดีต่อบริษัทลูก ซึ่งมีสัญญาในการทำธุรกิจร่วมกัน อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็นแค่ความรู้สึกคลายกังวลของนักลงทุน เพราะปัจจุบันทางบอร์ดชุดใหม่ก็ยังไม่ได้มีนโยบายออกมา ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ซึ่งในปี2557 บล.เอเซียพลัสได้คาดการณ์ผลการดำเนินงานของปตท.ว่ากำไรจะมีการเติบโตในระดับ 5% จากปีก่อนหน้า บนพื้นฐานราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปีทรงตัวอยู่ที่ระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จึงเป็นการเติบโตจากยอดขายก๊าซธรรมชาติที่จะเพิ่มขึ้น หลังโรงแยกก๊าซฯที่ถูกฟ้าผ่ากลับมาผลิตได้ตามปกติ “ มีโอกาสที่จะปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปีนี้เพิ่มขึ้นอีก เพราะล่าสุดราคาน้ำมันตลาดโลกปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว จากสถานการณ์ความไม่สงบในอิรัก หากราคาน้ำมันยืนในระดับนี้ต่อไปสักระยะ ก็คงต้องปรับประมาณการ ส่งผลบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในกลุ่มปตท.ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โนมุระ พัฒนสิน มีมุมมองเชิงบวกเช่นเดียวกัน โดยเห็นว่าบอร์ดชุดใหม่เป็นกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวในธุรกิจพลังงานเป็นอย่างมาก โดยเชื่อว่านโยบายของปตท. และการปรับปรุงโครงสร้างพลังงานส่วนใหญ่จะเน้นการปรับปรุงในทิศทางที่ดีขึ้น คาดว่าเบื้องต้นการปรับโครงสร้างพลังงานส่วนใหญ่จะเน้นปรับเงินกองทุนน้ำมันที่ปัจจุบันมียอดติดลบอยู่ 7.5 พันล้านบาท ซึ่งยังไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจของปตท.แต่อย่างใด ทำให้มีมุมมองบวกมากขึ้นต่อเครือบริษัทปตท. โดยเฉพาะบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดว่าราคาหุ้นปตท.จะยังได้รับผลในเชิงบวก จากการเข้ารับตำแหน่งรองกรรมการบริษัทของนายปิยสวัสดิ์ เนื่องจากคาดว่าจะส่งผลให้เกิดความชัดเจนในการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน และปลดล็อกหุ้นปตท.ที่ถูกกดดันในช่วงก่อนหน้านี้ได้ บล.ธนชาต ประเมินเช่นเดียวกันว่าราคาหุ้นกล่มปตท.ค่อนข้างตอบรับดี โดยเห็นว่านายปิยสวัสดิ์ เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานพลังงานของประเทศไทย เคยเป็นรัฐมนตรีพลังงาน และเคยหัวหน้าผู้นำขององค์กรทั้งเอกชนและรัฐวิสาหกิจ เช่น ประธานกรรมการ บลจ.กสิกรไทย และ กรรมการผู้อำนวยการบริษัท การบินไทย (THAI) ซึ่งช่วงที่ได้ดำรงตำแหน่งกับการบินไทย นายปิยสวัสดิ์ได้ประสบความสำเร็จในการนำเสนอโครงการที่จะลดต้นทุนการดำเนินงาน ส่วนผู้ได้รับเลือกท่านอื่นก็มีความสามารถและความรู้ด้านพลังงานเป็นอย่างดี ทั้งนายครุจิต นาครทรรพ ซึ่งเคยทำงานในตำแหน่งผู้บริหารขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานเชื่อว่า กรรมการใหม่จะไม่เปลี่ยนกลยุทธ์การทำงานของปตท. ตามหน้าที่ที่สำคัญก็คือการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งความมั่นใจจากสาธารณะ หลังจากที่ปตท.ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของการที่ทำให้ราคาก๊าซแพงเกินความเป็นจริงจากสถานะการผูกขาด ไม่มีความโปร่งใสในการจัดสรรค่าท่อส่งก๊าซและค่าการผลิตของโรงแยกก๊าซ "ยังคงแนะนำให้ถือ หุ้นปตท.ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 350 บาท จากการที่ไม่มีอัตราการเติบโตของกำไร มองว่าอุตสาหกรรมพลังงาน ติดอยู่บนกับดักของมูลค่าจากการที่ไม่มีพัฒนาการของราคาและปริมาณการขาย ข่าวการปฏิรูปพลังงานจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อปตท. แต่ยังไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม” Tags : ปตท. • ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ • คุรุจิต นาครทรรพ • พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา • ptt • นักลงทุน • ธุรกิจ • หุ้น