ผมเจอหน้าเจอตา"เอคโค่สปอร์ต"เป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน ในงานเดลฮี มอเตอร์โชว์ อินเดีย ซึ่งครั้งนั้นมันยังเป็นรถต้นแบบที่ไม่มีไส้ใน คือมีแต่ตัวถังเท่านั้น แต่ก็เป็นรถที่ได้รับความสนใจไม่น้อย ด้วยรูปทรงรูปร่างหน้าตาและสีสันที่โดดเด่น ซึ่งครั้งนั้นฟอร์ด ประกาศแผนกลับมาทำตลาดเอคโค่สปอร์ตใหม่อีกครั้ง และคราวนี้มันจะไม่กระจุกตัวอยู่ในแถบอเมริกาใต้อีกต่อไป แต่จะมีบทบาทไปทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย ที่ค่ายรถอเมริกันหมายมั่นปั้นมือว่าจะส่วนสำคัญในการผลักดันยอดขายในอนาคต ซึ่งในบ้านเราเอง ฟอร์ดก็คาดหวังว่า เอคโค่ สปอร์ต น่าจะได้รับการตอบรับ เพราะเป็นรถในรูปแบบใหม่ที่จะตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ เป็นทั้งรถสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ครอบครัว ใช้ได้ทั้งในเมืองหรือจะเดินทางไปท่องเที่ยว ในระดับราคาที่ไม่สูงเกินไป เมื่อเทียบกับราคารถในตลาดปัจจุบัน เอคโค่ สปอร์ต มี 4 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 6.69 แสนบาท ในรุ่นเกียร์ธรรมดา ไปจนถึง 8.29 ในรุ่นท็อปสุด เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เอคโค่สปอร์ต มีความสูงใต้ท้องรถมากกว่ารถเก๋งทั่วไป จัดเป็นรถในกลุ่มครอสโอเวอร์ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ทั้งอาจจะเป็นผลมาจากความเบื่อของผู้ใช้ หรือเห็นประโยชน์จากความสูงในการขับขี่ที่สภาพจราจรหนาแน่น การอยู่สูงกว่าทำให้เห็นรอบข้างได้มากกว่า และไม่รู้สึกอึดอัด หรือว่ารองรับสภาพถนนหนทาง ฝนฟ้าอากาศที่ทำให้ถนนกลายเป็นทางน้ำไปได้ในชั่วพริบตา นอกจากนี้ก็ยังตอบสนองไลฟ์สไตล์โดยเฉพาะหนุ่มโสดสาวโสด หรือ ครอบครัวเล็กๆ เพราะสามารถบรรทุกของบางอย่างได้สะดวก เช่น จักรยานพับสักคันสองคัน หรือสัมภาระอื่นๆ และหากไม่พอ ฟอร์ดก็ให้แร็คหลังคาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาด้วย และในรุ่นท็อปก็ยังเพิ่มความหรูหราให้ด้วยซันรูฟ เอาไว้ขับกินลมสูดอากาศ ในวันหรือสถานที่ที่อากาศดีๆ ขนาดรถและเครื่องยนต์จัดอยู่ในกลุ่ม ซับคอมแพค โดยตัวรถนั้นใช้พื้นฐานมาจากเฟียสต้า แต่รูปทรงดูดุดันกว่า และมีมุมมองที่เป็นเหลี่ยมเป็นสันมากกว่า ฝาท้ายเปิดออกด้านข้าง และมีลูกเล่นการออกแบบ ก็คือ มือจับไม่ได้โดดเด่นออกมา มันออกแบบกลมกลืนไปกับอุปกรณ์ตัวอื่น ขณะที่ล้ออะไหล่ติดอยู่ที่ฝาท้าย พร้อมฝาปิดมิดชิด ซึ่งจำได้ว่าเมื่อครั้งเจอกันที่อินเดีย เคยมีคนถามหัวหน้าทีมออกแบบ ว่าทำไมจึงกลับมาใช้รูปแบบที่ดูเหมือนจะย้อนยุค ก็ได้รับคำตอบว่ามันดูดี และก็เหมาะสมกับการใช้งาน และเชื่อมั่นว่าลูกค้าจะยอมรับ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้าที่ 6,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที และรุ่นท็อป หรือ ไททาเนียมที่ผมขับอยู่นี้ใช้เกียร์อัตโนมัติ เพาเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง คลัทช์คู่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์กระฉับกระเฉงขึ้น เพิ่มอารมณ์สปอร์ตให้กับรถ แต่ก็มีบุคลิกเฉพาะตัว การเปลี่ยนเกียร์ทำได้นุ่มนวล แต่ความรู้สึกของคนขับอาจจะรู้สึกแปลกๆไปบ้าง เช่น จังหวะการลากก่อนเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็ว จนทำให้นึกว่ามันกระตุก ต้องทำความรู้จักกันมันสักพักแล้วเมื่อชิน รู้จังหวะ จะขับสนุกครับ กำลังเครื่องยนต์ถือว่าสมดุลกับตัวรถ ช่วงออกตัวถ้าต้องการไปแบบแรงๆ คงต้องกดคันเร่งหนัก เรียงเสียงคำรามของเครื่องยนต์กันบ้าง แต่เมื่อความเร็วเข้าที่ การเรียกแรงต่างๆลื่นไหล ไต่ความเร็วไปจนถึงระดับ 140 ได้ไม่ยาก แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีอาการหน่วงบ้าง แต่ก็ถือว่าเลยระดับความเร็วที่เป็นไปแล้ว ช่วงล่างทำงานได้ดี การยึดเกาะถนนมั่นใจได้ ที่ความเร็วสูงรถมีความนิ่ง มั่นใจได้ ในทางโค้ง มันฝ่าไปได้ไม่ยาก แม้ว่าตัวถังจะรับรู้ได้ว่ามีอาการโยนตัวอยู่บ้างก็ตาม ซึ่งช่วงล่างเอคโคสปอร์ต ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมหลังกันโคลง คอยล์สปริง หลังทอร์ชัน บีม พวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามความเร็ว น้ำหนักดีในทุกช่วงความเร็ว แม่นยำ ช่วยให้การขับขี่ได้อรรถรสขึ้นมาก ทัศนวิสัยโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ห้องโดยสารไม่ใหญ่โต แต่ก็นั่งได้สบายๆ สำหรับ 4 คน ถ้านั่ง 5 ต้องเบียดกันหน่อย จุดเด่นอีกอย่างคือ ความเงียบในห้องโดยสาร ฟอร์ดเก็บเสียงได้ดี ส่วนลูกเล่นอื่นๆ ระบบต่างๆ เช่น ฟอร์ด ซิงค์ (Sync) บอกตรงๆ ผมไม่ค่อยได้เล่นอะไรครับ มุ่งแต่ใช้เวลาที่มีกับรถ ดูในเรื่องของสมรรถนะ การขับขี่เป็นหลัก แม้แต่ระบบเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง ก็ไม่ได้ใช้ เพราะว่าเกียร์อัตโนมัติปัจจุบัน แค่ D ตำแหน่งเดียวก็สนุกได้แล้วครับ Tags : ฟอร์ด • ยานยนต์ • เอคโคสปอร์ต • มอเตอร์โชว์ • รถยนต์