กลุ่ม"อินทัช" ทำกำไรไตรมาสแรกได้เพียง 1.38 หมื่นล้านบาท ลดลง 4.1% ผลจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว จากการรวบรวมผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1ปี 2557 ของกลุ่มอินทัช ประกอบด้วย บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส (ADVANC) บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) และบริษัท ไทยคม (THCOM) พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 1.38หมื่นล้านบาท ลดลง 4.15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยทุกบริษัทมีการเติบโตในอัตราที่ลดลง ยกเว้นบริษัทไทยคม ที่มีกำไร 399 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเอไอเอส มีกำไร 9.4 พันล้านบาท ลดลง 4.45% บริษัท ซีเอสฯมีกำไร 118 ล้านบาท ลดลง 19% และบริษัทอินทัช มีกำไร 3.8 พันล้านบาท ลดลง 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน น.ส.ทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้อำนวยการ สำนักการลงทุนสัมพันธ์ บริษัท อินทัช เปิดเผยว่า อินทัชยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ระดับ 5-7% ซึ่งเป็นการเติบโตจากบริษัทลูกทั้งบริษัทเอไอเอส ที่ยังคงเป้าการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ 6-8% นอกจากนี้ยังมีการรับรู้กำไรจากบริษัทไทยคมเพิ่มขึ้น จากในช่วงสิ้นปีที่สัดส่วนกำไรจากบริษัทไทยคมอยู่ที่ระดับ 3.2% ของกำไรทั้งหมด ในช่วงไตรมาส 1 เพิ่มขึ้นเป็น 4.3% "ปัจจุบันกำไรของบริษัทส่วนใหญ่กว่า 90% มาจากบริษัทเอไอเอสเป็นหลัก ธุรกิจอื่นๆ ยังมีสัดส่วนน้อย แต่ในอนาคตสัดส่วนกำไรจากธุรกิจอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นเป็น 20-25% ในช่วง 5-7 ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตของบริษัทไทยคม และการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ทั้งดิจิทัล คอนเทนท์ และกิจการร่วมลงทุน หรือ เวนเจอร์ แคปิตอล ซึ่งบริษัทจะร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับการสื่อสาร จากปัจจุบันมีลงทุนอยู่แล้ว 3 บริษัท แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้" บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับกิจการร่วมลงทุนประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี เน้นกิจการที่เพิ่งจะเริ่มต้นธุรกิจ บริษัทจะเปิดกว้างหากมีนักลงทุนต่างประเทศสนใจจะร่วมลงทุนเพิ่มเติม เหมือนกับที่มีนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น ได้เข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัท อุ๊คบี ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการและพัฒนาช่องทางการนำเสนอสิ่งตีพิมพ์ดิจิทัล และหนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการเปลี่ยนนโยบายการจ่ายเงินปันผลจากเดิมมีนโยบายจ่ายไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เปลี่ยนเป็นจ่าย 100% ของกำไรสุทธินั้น เป็นเพียงการกำหนดนโยบายให้สอดคล้องกับการปฏิบัติที่มีการจ่ายเงินปันผล 100% ของกำไรสุทธิอยู่แล้ว ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินปันผลแต่อย่างใด นางสาวนัฐิยา พัวพงศกร ผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัทเอไอเอส เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้น 6-8% แม้ว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรก จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและการเมือง แต่เชื่อว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไปเนื่องจากจะมียอดผู้ใช้บริการข้อมูลมากขึ้น โดยบริษัทจะเน้นกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าสมาร์ทโฟนในกลุ่มตลาดระดับกลางและล่างมากขึ้น แม้ปัญหาทางการเมืองจะยืดเยื้อ แต่การประมูลคลื่นความถี่ 1,800 ก็ยังเดินไปตามแผน โดยจะมีการเปิดประมูลในช่วงเดือนส.ค.นี้ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูล เพื่อนำคลื่นความถี่ดังกล่าวมาพัฒนาเป็นระบบ 4 G บริษัทมีสถานะการเงินพร้อมอยู่แล้ว โดยมีกระแสเงินสดในมือ 1.6 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนประมูลคลื่นความถี่ 900 ขณะนี้ กสทช.ยังไม่ได้มีหลักเกณฑ์ออกมา แต่เป็นการเจรจาในภาพกว้าง คาดว่าจะสามารถประมูลได้ในช่วงเดือน พ.ย.ปีนี้ หากบริษัทประมูลได้คาดว่าคลื่น 900 จะสามารถนำมาพัฒนาเป็น 3G หรือ 4G ได้ ด้านนายเคน สตุตเกอร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้ของดาวเทียมไทยคม 6 เข้ามาเต็มปี พร้อมทั้งโตตามอุตสาหกรรม และคาดภายในเดือนมิ.ย. 2557 จะได้ข้อสรุปรูปแบบการลงทุนของดาวเทียมไทยคม 8 ว่าจะเป็นรูปแบบเดียวกับไทยคม 6 ที่ใช้เงินกู้และเงินสดของบริษัทรวมกัน โดยบริษัทกำหนดวงเงินที่จะเสนอขายหุ้นกู้ 7 พันล้านบาท และดาวเทียมไทยคม 8 จะกำหนดวงเงินลงทุน 178.5 ล้านดอลลาร์คาดจะยิงเข้าสู่วงโคจรได้ในช่วงกลางปี 2559 Tags : อินทัช • สื่อสาร • ไทยคม • กำไร