Guardforce กรณีศึกษาการนำเทคโนโลยีมาใช้กับการรักษาความปลอดภัย (รปภ.)

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 26 ธันวาคม 2015.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    [​IMG]
    เราเห็นแนวโน้มชัดเจนว่าเทคโนโลยีกำลังวิ่งไล่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมดั้งเดิมโดยไม่มีข้อยกเว้น ตัวอย่างที่เราพูดถึงกันบ่อยๆ คือ Airbnb ที่เปลี่ยนแปลงวงการโรงแรม และ Uber ที่เปลี่ยนวงการคมนาคม แต่เราก็ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากที่กำลังปรับตัวเพราะเทคโนโลยี รวมถึงวงการที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงอย่าง "บริษัทรักษาความปลอดภัย" (รปภ.) ที่นำไอทีมาใช้เยอะกว่าที่คิด

    ผมมีโอกาสฟังคุณ Terence Yap ซีอีโอของบริษัทรักษาความปลอดภัย Guardforce จากฮ่องกง ไปพูดที่งาน Rise Conference 2015 ในหัวข้อการนำเทคโนโลยีมาใช้งาน พอได้คุยหลังเวที ทราบว่า Guardforce มีธุรกิจที่เมืองไทยด้วย เลยนัดสัมภาษณ์กันอีกรอบที่เมืองไทยเพื่อรายละเอียดที่ดียิ่งขึ้น

    [​IMG]

    [​IMG]

    คุณ Terence Yap ซีอีโอของ Guardforce ที่งาน Rise 2015

    [​IMG]

    คุณไพศาล มงคลทรัพย์กุล กรรมการผู้จัดการ Guardforce ประเทศไทย และคุณ Terence Yap

    รู้จัก Guardforce


    Guardforce เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยเก่าแก่ของฮ่องกง เปิดกิจการมาแล้วประมาณ 40 ปี ถือเป็นบริษัทความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง มีลูกค้าเป็นองค์กรใหญ่ๆ มากมาย ธุรกิจดั้งเดิมของ Guardforce คือจัดหาบุคลากรด้านความปลอดภัย แต่ธุรกิจหลักจริงๆ คือดูแลเรื่องการขนเงินของบริษัทห้างร้านในฮ่องกงและมาเก๊า ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ร้านค้าปลีก รวมไปถึงคาสิโนด้วย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    Guardforce มีสาขาในประเทศไทย และถือเป็นบริษัทความปลอดภัยระดับ Top 5 ในประเทศไทย มี รปภ. ในสังกัดมากถึง 3,500 คน ธุรกิจในไทยเกือบทั้งหมดเป็นเรื่องบุคลากร (จัดหา รปภ.) ถ้าใครผ่านไปแถวสนามบินสุวรรณภูมิ ลองสังเกตดีๆ จะเห็นโลโก้ Guardforce แปะอยู่เต็มไปหมด

    [​IMG]

    ลูกค้าของ Guardforce ในไทยมีทั้งโรงแรม โรงงาน บริษัท ส่วนงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีทั้งการดูแลความปลอดภัยของสนามบิน และการตรวจสอบความปลอดภัยของสายการบิน ตรวจสอบผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่อง อย่างสายการบินของสหรัฐอเมริกาจะต้องตรวจเข้มหน่อย ก็จะมีระบบ passenger behavior หรือ document analysis วิเคราะห์ความเสี่ยงของผู้โดยสารแต่ละคนด้วย

    การนำเทคโนโลยีมาช่วยงานรักษาความปลอดภัย


    คุณ Terence เล่าถึงวิวัฒนาการของ “การรักษาความปลอดภัย” ว่าแนวคิดหลักคือการ “ป้องกัน” (protect) ไม่เคยเปลี่ยน แต่วิธีการว่าป้องกันอย่างไรเปลี่ยนตามเทคโนโลยีในแต่ละยุคสมัย

    [​IMG]

    ธุรกิจรักษาความปลอดภัยเป็นธุรกิจที่ต้องใช้แรงงานคนมาก (labor intensive) การนำเทคโนโลยีอัตโนมัติ (automation) มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ (efficiency) จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก หลักการพื้นฐานของการรักษาความปลอดภัยมี 3 ข้อ คือ ตรวจจับ (detect) หน่วงภัยคุกคาม (delay) และตอบโต้ (response) การนำเทคโนโลยีมาใช้จะช่วยได้มากในเรื่อง detect

    ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านเครือข่ายความปลอดภัย ทุกคนมีกล้องและเซ็นเซอร์เหมือนๆ กัน แต่เมื่อมีหูมีตาเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปคือสร้าง “เครือข่ายความปลอดภัย” (security network) ที่ปลอดภัยและมีเสถียรภาพสูง เพื่อให้เซ็นเซอร์สามารถสื่อสารกันได้ตลอดเวลา จากนั้นถึงเป็นขั้นที่ใส่ปัญญาหรือซอฟต์แวร์ลงไป

    [​IMG]

    อย่างไรก็ตาม ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติก็ใช้งานไม่ได้ในทุกกรณี เพราะวัฒนธรรมของแต่ละประเทศแตกต่างกัน ในสหรัฐอเมริกาที่ค่าแรงแพง แต่โครงสร้างพื้นฐานดี การนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้งานจะถูกยอมรับได้ง่าย ในขณะที่ฝั่งเอเชีย ลูกค้าของ Guardforce รู้สึกว่าเสียเงินจ้างแล้วยังอยากเห็น “คน” ยืนอยู่ อยากเห็นอะไรที่จับต้องได้ ยังไงก็ต้องมีเจ้าหน้าที่มาประจำ แต่ก็ยังนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดจำนวนคนที่ต้องใช้ได้ เช่น จากเดิมต้องใช้ รปภ. 10 คน ก็อาจลดเหลือ 2-3 คน แต่ทำงานได้อย่างฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    เทคโนโลยีที่เรารู้จักกันดีอย่าง NFC และ QR Code ถูกใช้ในแวดวง รปภ. แล้ว อย่างการเดินตรวจตราและเช็คตามจุด checkpoint ต่างๆ ก็นำเทคโนโลยีเหล่านี้มาช่วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถยืนยันได้ว่าตรวจสอบจุดเหล่านี้แล้ว

    เครื่องขนเงินสด นวัตกรรมของ Guardforce


    นวัตกรรมที่น่าสนใจของ Guardforce ในฮ่องกงที่ธุรกิจหลักคือการขนเงินสด คือการประดิษฐ์ “เครื่องขนเงิน” (Guardforce Cash Machine - GCM) ขึ้นมาใช้งาน

    [​IMG]

    คุณ Terence เล่าว่าการดูแลเงินสดเป็นเรื่องยุ่งยากและสิ้นเปลืองมาก สมมติว่าเราเป็นร้านอาหารหรือร้านค้ารายย่อย เมื่อปิดร้านแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือนับเงิน จากนั้นคัดเลือกธนบัตรตามสกุลเงิน (ในฮ่องกง มีคนจีนที่จ่ายเป็นเงินหยวนด้วย) ตรวจสอบว่าไม่ใช่แบงค์ปลอม และนำไปส่งธนาคารในวันถัดไป จากนั้นธนาคารต้องประมวลผลเงินอีกรอบ กว่าเงินจะเข้าก็ต้องรออีกขั้นต่ำ 2 วัน

    ธุรกิจของ Guardforce คือการรับเอาท์ซอร์สการประมวลผลเงินสดจากร้านค้าและธนาคาร แต่ถ้าเนื้องานยังเหมือนเดิม ก็เป็นแค่การเปลี่ยนมาใช้คนของ Guardforce แทนเท่านั้น ความยุ่งยากและสิ้นเปลืองของการนับเงินยังคงอยู่

    สิ่งที่ Guardforce มีคือประสบการณ์ด้านการดูแลเงินสดมายาวนาน รู้ปัญหาของอุตสาหกรรมนี้ และเมื่อบริษัทมีวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยี จึงพัฒนาเครื่องขนเงินสดขึ้นมา

    เครื่อง GCM ที่ว่านี้หน้าตาคล้ายกับตู้เซฟเคลื่อนที่ มันสามารถนับเงินและคัดแยกสกุลเงินได้อัตโนมัติ แถมยังตรวจแบงค์ปลอมได้ด้วย สิ่งที่ร้านค้าต้องทำมีแค่ใส่ธนบัตรลงไปในเครื่อง GCM แล้วเครื่องจะบรรจุเงินลงในเซฟให้อัตโนมัติ พร้อมกับนับยอดเงินให้เรียบร้อย (ความเร็วการนับได้นาทีละ 600 ใบ) ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการนับเงินด้วยมือและการเก็บรักษาเงินลงได้ (เครื่อง GCM เป็นตู้เซฟในตัวอยู่แล้ว)

    [​IMG]

    จากนั้นพนักงานขนเงินของ Guardforce จะมาขนตู้ GCM ไปยังศูนย์ประมวลผลธนบัตรของ Guardforce เพื่อนำเงินเข้าระบบ เครื่อง GCM มีความปลอดภัยสูง คนขนไม่สามารถแตะต้องเงินได้ และตัวเครื่องต่อเน็ตตลอดเวลา รายงานสถานะให้เจ้าของธุรกิจรับทราบผ่านสมาร์ทโฟน ตรวจสอบร่องรอยการขนเงินย้อนหลังได้ตลอดเวลา

    [​IMG]

    ผลคือ Guardforce จัดการเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กระบวนการขนเงินปลอดภัยขึ้น ลดค่าใช้จ่ายขององค์กรลง ส่วนลูกค้าเองก็ได้เงินเข้าธนาคารเร็วขึ้น จากเดิมที่ต้องใช้เวลา 2-3 วันก็ลดเหลือภายในไม่เกิน 24 ชั่วโมง

    ผมถาม Guardforce ว่ามีกระบวนการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไร คำตอบที่ได้คือบริษัทไม่มีทีมวิจัย R&D เลย เพราะไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัท สิ่งที่บริษัทมีคือรู้ว่าในอุตสาหกรรมที่เชี่ยวชาญต้องการอะไร และใช้วิธีพาร์ทเนอร์กับคนรุ่นใหม่ๆ ที่มีไอเดียน่าสนใจ ในการสร้างโซลูชันทางเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์

    Guardforce บอกว่าการพบเจอกันของอุตสาหกรรมเก่าและใหม่เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก และเราสามารถนำหลักการนี้มาใช้งานได้กับทุกอุตสาหกรรม เพราะผู้ประกอบการดั้งเดิมมีความรู้ในอุตสาหกรรมของตัวเองเป็นอย่างดี ในขณะที่คนรุ่นใหม่ก็มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเยอะกว่ามาก ถ้าสามารถนำทั้งสองฝ่ายมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ก็จะพัฒนาอุตสาหกรรมได้อย่างก้าวกระโดดมากขึ้น

    Interview, Security, Hong Kong
     

แบ่งปันหน้านี้