การประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz ของ กสทช. ที่กินเวลายาวนานอย่างเหลือเชื่อถึง 4 วันได้จบลงไปแล้วเมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมา พร้อมกับตัวเลขที่ทำสถิติเป็นประวัติศาสตร์ถึง 151,952 ล้านบาท โดยราคาต่อสล็อตสูงถึงมากกว่า 75,000 ล้านบาท มากมายยิ่งนักเมื่อเทียบกับการประมูล 1800 MHz ที่ยอดรวมสองสล็อตอยู่ที่ 80,778 ล้านบาท พร้อมผู้ชนะที่ว่ากันว่าพลิกโผทุกสำนักคือ Jas และ True คำถามใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการประมูลครั้งนี้ก็คือ อะไรเป็นสาเหตุให้ราคาคลื่นพุ่งสูงได้มากขนาดนี้ และผลที่ออกมาเช่นนี้จะเกิดอะไรกับอุตสาหกรรมและผู้เล่นแต่ละรายต่อไป บทวิเคราะห์นี้เกิดจากการรวมรวมข้อมูล ทั้งจังหวะการประมูล บทวิเคราะห์ทั้งหลาย รวมถึงความเห็นข้อสังเกตตลอด 4 วันจากมิตรสหายหลายท่านของผู้เขียนครับ ต้องขอบคุณมา ณ ที่นี้ การประมูลนี้สำคัญยิ่งเพราะ (อาจ) เป็นโอกาสสุดท้าย เป็นคำอธิบายเดียวกันกับบทวิเคราะห์ของ mk เมื่อตอน 1800 MHz นั่นคือ ทำไมต้องแย่งคลื่นกัน ซึ่งคำอธิบายในรอบ 900 MHz นี้ก็ไม่ต่างกัน เพราะทรัพยากรคลื่นมีอยู่จำกัด การสะสมคลื่นจึงเป็นเรื่องสำคัญในการอยู่รอดของโอเปอเรเตอร์ ที่สำคัญกว่าคือเมื่อจบการประมูลคลื่น 900 MHz นี้แล้ว คลื่นในอนาคตที่มีโอกาสจะนำมาประมูลในระยะอันใกล้ ก็มีเพียง 850 MHz / 1800 MHz ของ Dtac ซึ่งจะหมดสัมปทานปี 2561 หรืออีกสามปีข้างหน้า อย่างไรก็ตามสถานการณ์ที่ผ่านมานั้นคงไม่มีโอเปอเรเตอร์รายใดมั่นใจเต็มร้อยว่าจะมีคลื่นให้ประมูลในปี 2561 แบบแน่นอน การคว้าอะไรใกล้มือให้ได้จึงสำคัญ เพราะเรียนรู้จึงเดินหน้าลุยไม่กลัวเจ็บ ถ้าหากสังเกตจังหวะในการประมูลครั้งนี้ จะพบว่าแตกต่างจากตอน 1800 MHz มาก เพราะผู้ร่วมประมูลเดินหน้าเสนอราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอดนานถึง 83 รอบ จึงเริ่มเกิดการหยุดเคาะราคาเพิ่ม เพื่อดูเชิงคู่แข่ง เหตุการณ์นี้น่าจะเป็นผลจากการประมูล 1800 MHz ที่แสดงให้เห็นว่าคู่แข่งต่างพร้อมสู้ในราคาที่สูง ทุกคนจึงเดินหน้าลุยโดยไม่ต้องหวังว่าจะมีใครยอมแพ้รวดเร็ว แต่ถึงแม้จะพร้อมลุยแค่ไหน ทุกบริษัทก็น่าจะมีราคาสูงสุดที่ยอมรับได้ในใจ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม AIS และ Dtac จึงไม่ชนะการประมูลครั้งนี้ ด้วยตัวเลขผลการประมูลคือ Jas 75,654 ล้านบาท (สล็อต 1) True 76,298 ล้านบาท (สล็อต 2) AIS 75,976 ล้านบาท (ราคาสุดท้ายที่สล็อต 2) Dtac 70,180 ล้านบาท (ราคาสุดท้ายที่สล็อต 1) จากตัวเลขทำให้พอเห็นภาพว่า AIS มีราคาในใจสูงสุดราว 75,000 ล้านบาท ขณะที่ Dtac เตรียมไว้ 70,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่า AIS นั้นดูจะต้องการสล็อต 2 (905 – 915 MHz/950 – 960 MHz) เท่านั้น เพราะราคานี้ยังสามารถไปประมูลแย่งสล็อต 1 จาก Jas ต่อได้ แต่ AIS ไม่ได้ทำ ปัจจัยที่น่าจะส่งผลให้ราคาทำสถิติโลก ราคาคลื่นซึ่งจบลงที่มากกว่า 75,000 ล้านบาท ถือเป็นราคาที่สูงที่สุดในโลก (แม้ กสทช. จะบอกว่ายังไม่ใช่หากคิดตามปริมาณความถี่) อย่างไรก็ตามแค่เพราะความต้องการคลื่น ก็ดูไม่น่าทำให้ราคาประมูลดุเดือดมาได้ขนาดนี้ เหตุผลหนึ่งที่มีน้ำหนักพออธิบายได้ก็คือข้อกำหนดในการชำระเงินที่เปลี่ยนไป ในการประมูลความถี่ 1800 MHz นั้น กสทช. กำหนดให้ผู้ชนะประมูลต้องจ่ายเงินงวดแรก 50% ของราคาที่เสนอภายใน 90 วัน หลังชนะประมูล และปีที่สองและสามอีกปีละ 25% เท่ากับว่าผู้ชนะต้องจ่ายเงินครบตามที่ประมูลจบตั้งแต่ 3 ปีแรก อย่างกรณีของ AIS งวดแรกก็ต้องจ่ายถึง 20,493 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเงื่อนไขดังกล่าวมีข้อเสีย ที่ทำให้ กสทช. ต้องมาแก้เงื่อนไขในการประมูล 900 MHz เพราะการต้องหาเงินเป็นหมื่นล้านมาจ่ายใน 90 วันนั้น คงไม่มีหนทางอื่นนอกจากไปกู้จากธนาคาร แต่ธนาคารเองก็ต้องการทราบวงเงินที่จะใช้เบื้องต้น ซึ่ง กสทช. มองว่าทำให้ผู้ร่วมประมูลต้องเปิดเผยราคาเป้าหมายในใจก่อนการประมูล ซึ่งไม่เป็นผลดีนัก เงื่อนไขการชำระเงินของ 900 MHz จึงเปลี่ยนไป โดยปีแรก ชำระเงิน 8,040 ล้านบาท (50% ของมูลค่าคลื่นเริ่มต้น) ปีที่สองและสามอีกปีละ 25% คือ 4,020 ล้านบาท แล้วส่วนที่เหลือให้ไปชำระทั้งหมดในปีที่ 4 การกำหนดเงื่อนไขแบบนี้ ทำให้ผู้ประมูลทุกคนมีภาระหาเงินมาเตรียมจ่าย 3 ปีแรกเท่ากัน ขณะที่เงินก้อนใหญ่ในปีที่ 4 นั้น สามารถเจรจากับธนาคาร-สถาบันการเงินได้ในภายหลัง ตรงนี้ทำให้เห็นว่า Jas และ True จะจ่ายเงินใบอนุญาตใน 3 ปีแรกรวม 16,080 ล้านบาทเท่านั้น ถูกกว่าที่ AIS จ่ายในปีแรกปีเดียวกับ 1800 MHz เสียอีก ฉะนั้น 3 ปีแรกก็น่าจะเป็นโอกาสในการตักตวงสร้างกระแสเงินสดให้มากที่สุด ส่วนปีที่ 4 ซึ่งเป็นภาระก้อนใหญ่นั้น ก็ค่อยหาหนทางกู้จากสถาบันการเงินเอาต่อไป เพราะยังมีเวลา ด้วยเหตุผลว่าใน 3 ปีแรก วงเงินที่ต้องจ่ายถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าราคาประมูลจะจบที่เท่าใด แถมไม่สูงมากด้วย ก็น่าจะเป็นเหตุผลมากพอให้บริษัทกล้าเดิมพันกับราคาประมูลที่มากขึ้นนั่นเอง แต่ละบริษัทน่าจะมีแถลงการณ์ถึงการประมูลที่เกิดขึ้น แต่ดูจากตอนนี้ก็พอจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดังนี้ True - เท่าไหร่เท่ากันคว้าให้หมด หลายคนที่ติดตามล้วนมองว่า True ดูมีความอยากได้คลื่นน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับรายอื่น เพราะ True มีคลื่นในมือมากที่สุดทั้ง 2100 MHz, 1800 MHz และ 850 MHz (สัญญาร่วม CAT) แต่ True ก็ตัดสินใจประมูล 900 MHz ให้ชนะอีก คงไม่มีคำอธิบายใดมากกว่านี่คือเกมการสะสมคลื่นตุนไว้ให้มากที่สุด ส่วนคำถามว่าด้วยสถานะทางการเงินปัจจุบัน (เงินสด 11,000 ล้านบาท หนี้สินกว่า 7 หมื่นล้านบาท) True จะหาเงินจากไหนมาจ่าย ทั้งคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz อันนี้คงต้องถามคนถือหุ้น True ทุกท่านเอาเอง Jas - ก็บอกแล้วพี่ไม่ได้มาเล่นๆ Jas สร้างความประหลาดใจตั้งแต่ประมูล 1800 MHz จากดูเหมือนเป็นไม้ประดับ แต่กลับจริงจังมากและแพ้แบบเฉียดฉิว แต่ในรอบนี้ Jas มีการปรับแผนเล็กน้อยโดยซีอีโอ คุณพิชญ์ โพธารามิก เลือกไม่เข้าห้องประมูลแบบรอบก่อนหน้า หลายคนมองว่าถอดใจ แต่ผลที่ออกมาน่าจะแปลว่า เท่าไหร่เท่ากัน ซีอีโอไม่จำเป็นต้องอยู่ช่วยตัดสินใจมากกว่า Jas มีธุรกิจหลักคือบริการบรอดแบนด์ 3BB แต่ตอนนี้กำลังจะเป็นโอเปอเรเตอร์รายที่ 4 ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าเป็นสถานการณ์จำเป็น เพื่อให้ Jas แข่งขันกับ AIS และ True ที่มีทั้งมือถือและบรอดแบรนด์ได้ อย่างไรก็ตามมูลค่าใบอนุญาตที่ Jas ได้มาคงเป็นคำถาม เพราะมูลค่ากิจการของ Jas ตามราคาหุ้นล่าสุดอยู่ที่ 34,000 ล้านบาท แต่ใบอนุญาตนั้นราคา 75,654 ล้านบาท แพงกว่าทั้งบริษัทปัจจุบันเสียอีก ต้องรอดูต่อไปว่า Jas จะทำอย่างไร (คนที่อยู่ในแวดวง อาจพอทราบแล้ว แต่เนื่องจากไม่เป็นทางการก็จะขอไม่พูดถึงตรงนี้) AIS - มันเกินจะรับไหว AIS ดูเป็นตัวเก็งอันดับหนึ่งที่น่าจะชนะประมูลรอบนี้ ทั้งความแข็งแกร่งด้านการเงินมากกว่าคู่แข่ง แถมตอนนี้ AIS มีแต่คลื่นสั้น 2100 MHz และ 1800 MHz หากได้คลื่นยาว 900 MHz ก็น่าจะสมบูรณ์แบบดี มองไปมีแต่หนทางสดใส แต่ผลคือ AIS เลือกที่จะแพ้การประมูลแบบที่หลายคนประหลาดใจ มีคำชี้แจงจากทาง AIS ภายหลังการประมูลเสร็จสิ้นว่า AIS ได้ประเมินราคาสูงสุดของใบอนุญาตที่บริษัทมองว่าเหมาะสมไว้แล้ว แต่ราคาประมูลกลับสูงขึ้นจากราคานั้นมาก AIS จึงต้องหยุดสู้ เพราะจะส่งผลเสียทั้งต่อคุณภาพการบริการลูกค้า และผู้ถือหุ้น AIS บอกว่าราคานี้แพงเกินไป แต่ True กับ Jas เขาเลือกที่จะเอา ก็ไม่รู้ว่าใครถูกผิดงานนี้ ความเสี่ยงของ AIS จากนี้ก็คือคลื่นที่มีอยู่จะเพียงพอต่อการให้บริการหรือไม่ และ AIS จะมีโอกาสประมูลคลื่นมาเสริมในอนาคตได้หรือไม่ Dtac - คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตนเอง Dtac ทำให้กองเชียร์ประหลาดใจ เพราะเลือกยอมแพ้ในการประมูล 1800 MHz เร็วมาก แต่ก็มีเหตุผลอธิบายได้ เมื่อมาในการประมูล 900 MHz ไม่มีใครรู้ว่า Dtac จะต้องการคลื่นนี้หรือไม่ แต่ผลการประมูลก็ชี้ว่า Dtac ยังต้องการคลื่น พร้อมให้ราคาที่เหมาะสมสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท เพียงแต่มันยังน้อยกว่าที่คนอื่นยินดีจ่ายจึงต้องแพ้ไป สถานการณ์ Dtac ตอนนี้เรียกว่าพอทนไหว เพราะมีคลื่น 2100 MHz ที่อีกนานกว่าจะหมดอายุ และคลื่น 850 MHz / 1800 MHz ที่จะหมดอายุสัมปทานปี 2561 เพียงแต่หลังจาก 2561 แล้ว Dtac จำเป็นต้องได้คลื่นนี้มาเพื่อให้เพียงพอกับการบริการลูกค้า แต่ก็ไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นคู่แข่งจะพร้อมจ่ายมากกว่าที่ Dtac ต้องการจ่ายหรือไม่ ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น สถานการณ์ของ Dtac คงไม่สู้ดีนัก ความกังวลนี้ยังสะท้อนไปที่ราคาหุ้นของ Dtac ด้วย ซึ่งมีราคาปรับลดลงมามากเมื่อเทียบผู้ร่วมประมูลรายอื่น สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ สูตรการชนะประมูลรอบนี้เหนือความคาดหมายของใครต่อใคร และเนื่องจากเราคงไม่เห็นการประมูลคลื่นเพิ่มเติมอย่างน้อยก็ 3 ปี จากนี้จึงเป็นการแข่งขันกันบนทรัพยากรที่โอเปอเรเตอร์แต่ละค่ายมี สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นจากนี้ก็มีดังนี้ สงครามราคา เนื่องจาก Jas จะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ จึงจำเป็นต้องมีลูกค้าเป็นจำนวนมาก ในเวลาที่รวดเร็ว เพื่อให้คุ้มค่าการลงทุน คำตอบที่ง่ายที่สุดก็คือใช้ราคาดึงดูดจูงใจ และหากการแย่งลูกค้าของ Jas ได้ผลดี โอเปอเรเตอร์รายอื่นอาจไม่มีทางเลือกนอกจากลงมาสู้กับสงครามราคาด้วย สิ่งนี้ดีต่อผู้บริโภคแน่ แต่จะดีกับบริษัทหรือไม่ก็คงตอบได้ว่าไม่ อยู่ที่ว่าสงครามนี้จะยาวนานแค่ไหน การเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งการตลาด ในเวลา 3 ปีจากนี้ True จะเดินเกมสู่เป้าหมายการเป็นอันดับ 2 ในตลาดโอเปอเรเตอร์แทนที่ Dtac ด้วยจำนวนคลื่นที่มากกว่า และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องทั้งบรอดแบนด์และเคเบิ้ลทีวี ขณะที่ Dtac นั้นกำลังลำบากจากคลื่นที่มีน้อยกว่า งานนี้กองเชียร์ค่ายไหนก็คงต้องลุ้นตามกันต่อไป AIS คลื่นอาจไม่พอ บนเกมการแย่งชิงลูกค้า ก็เป็นไปได้ว่า AIS อาจจำเป็นต้องร่วมแย่งชิงเพื่อไม่ให้ส่วนแบ่งของตนลดน้อยลงไป แต่การมีลูกค้าที่มากกว่าคู่แข่งมากๆ ก็อาจเป็นผลเสียต่อ AIS เองเพราะคลื่นมีอยู่จำกัด อย่างไรก็ตามทางแก้ไขเรื่องนี้มีอยู่หลายวิธีและ AIS ก็น่าจะพิจารณาไว้อยู่แล้ว ภาพ: @somying_pptv และ @panraphee NBTC, Auction, Thailand, Telecom