บุคคลและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องประชุมรับทราบแนวทางการดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี ยัน คสช. ให้ความสำคัญปราบยาเสพติดเต็มที่ พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ ย้ำต้องเฝ้าระวังตามแนวชายแดน บรรยากาศที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต ล่าสุด เริ่มมีบุคคลและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทยอยเดินทางเข้ามาอยู่เป็นระยะ เนื่องจากในวันนี้จะมีการประชุมรับทราบแนวทางการดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ที่ 69/2557 เรื่องมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ โดยมี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. เป็นประธานการ มอบนโยบายในครั้งนี้ โดยการประชุมจะเริ่มเวลาประมาณ 13.00 น. ทั้งนี้ สำหรับคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 69 เป็นคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดมาตรการ หรือแนวทางการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ โดยมุ่งเน้นการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารงาน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการตรวจสอบ เฝ้าระวัง เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เกิดการทุจริตประพฤติมิชอบ อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ยังคงเป็นไปอย่างปกติ โดยมีสื่อมวลชนทยอยเดินทางมา เพื่อติดตามข่าวอยู่เป็นระยะ "ไพบูลย์" ยัน คสช. ให้ความสำคัญปราบยาเสพติด พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่บุคคลและองค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยมในการแก้ปัญหายาเสพติดในวันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายน 2557 จำนวน 153 ราย ทั้งนี้ พล.อ.ไพบูลย์ ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อผู้ที่ได้รับรางวัล พร้อมระบุว่า ปัญหายาเสพติดทุกรัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด และ คสช. ก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว โดยมีการกำหนดงบประมาณให้สอดคล้องกับนโยบาย และเน้นดูแลการฟื้นฟู รวมทั้ง ติดตามผู้ได้รับการบำบัดไม่ให้กลับเข้าสู่ขบวนการค้ายาเสพติด พร้อมระบุว่า ควรให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวว่า จากสถิติการจับกุมที่ลดลง รวมถึงราคายาเสพติดที่สูงขึ้นแสดงให้เห็นว่า ยาเสพติดหายากมากขึ้นทำให้รู้สึกพอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปราม แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะการสกัดกั้นตามแนวชายแดน ที่ต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ในการประเมินผลการทำงาน ส่วนจำนวนบัญชีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่เตรียมใช้กฎหมายฟอกเงินอายัดนั้น เบื้องต้นพบว่ามีบัญชีที่อาจนำไปใช้ในการกระทำผิด กว่า 400 ราย ประมาณ 2,000 บัญชี