วันนี้(25 มิ.ย.)นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่ คสช.อัดงบประมาณสานต่อโครงการก่อสร้างโรงพัก แห่ง เหมือนเป็นการใช้เงินแก้ปัญหา พร้อมตั้งคำถามทำไมไม่จับผู้กระทำผิดมาลงโทษเสียก่อน คืนความสุขให้ตำรวจ คืนเงินภาษีให้ประชาชน ? นอกเหนือจากโฮปเวลล์ แอร์พอร์ตลิงค์ และบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านแล้ว โครงการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งเป็นอีกตำนานอภิมหาโปรเจ็คที่ผลาญเงินของผู้เสียภาษีไปโดยสูญเปล่า จนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรคืบหน้า ผมเคยพูดเรื่องนี้ตอนเป็น ส.ส. ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 2555 และหลังจากนั้นได้ยื่นหลักฐานให้กับ ป.ป.ช. ดำเนินการหาผู้กระทำความผิด โครงการโรงพัก 396 แห่ง มีทั้งจังหวัดใต้สุดจนถึงเหนือสุด ตะวันออกจนถึงตะวันตก ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ขณะนี้ยังมีสภาพทิ้งรกร้าง บางที่ตอกเสาเข็มคาไว้ บางที่มีแต่ฐานราก โรงพักเก่าก็ถูกทุบทิ้งไป ตำรวจต้องไปเช่าที่วัด อาคารพานิชย์เป็นโรงพักชั่วคราว วันนี้ คสช. ปัดฝุ่น จะอัดฉีดเงินในงบประมาณปี 2558 เพื่อดำเนินการโครงการนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ ถือเป็นการคืนความสุขให้ตำรวจ โครงการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งนี้มีปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น ยังไม่เคยพบตัวผู้กระทำความผิดหรือผู้ที่ต้องรับผิดชอบ การใช้เวลาที่เนิ่นนานในการสอบสวนจนถึงกระบวนการตัดสิน อาจกินเวลานานเป็นสิบๆปี เช่นเดียวกับโครงการอภิมหาอมตะอื่นๆ จนผู้กระทำความผิดกล้าที่จะเสี่ยง เพราะกว่าจะถึงวันอวสาน บางคนได้เสวยสุข บางคนหนีไปอยู่ต่างประเทศ บางคนล้มหายตายจากไปแล้ว การแก้ปัญหาจึงไม่ใช่การอัดเงินเข้าไปในโครงการเพื่อให้แล้วเสร็จเท่านั้น จะต้องจัดการกับผู้ที่ทุจริตคอรัปชั่น สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติด้วย แม้ว่าผมมีหลักฐานทุกอย่างชัดเจน อย่างเช่นเรื่องบ่อนการพนันที่มีคลิปวีดิโอ ถ่ายพร้อมหนังสือพิมพ์ มีวันที่กำกับว่าถ่ายมาวันไหน แต่ตำรวจในยุคนั้นก็ไม่ไปปิด พอมาถึงยุคนี้ไม่มีบ่อนเหลือให้จับ ดันจะตามผมไปให้ข้อมูล ทั้งๆที่คนรู้ข้อมูลดีที่สุด ก็คือตำรวจเอง การที่ คสช. จะเติมเงินงบประมาณเพื่อคืนความสุขให้กับตำรวจ เปรียบเสมือนคนรวยที่ใช้เงินแก้ปัญหา ทุ่มงบประมาณเข้าไปในโครงการก่อสร้าง ทั้งๆที่ควรจะหาผู้กระทำผิดมาเสียก่อน ผมต่อสู้เรื่องนี้มาอย่างยาวนาน และคิดว่าไม่จำเป็นต้องหาหลักฐานอะไรเพิ่มเติมอีก เพราะทุกอย่างมันอยู่ในซากปรักหักพัง และกองเอกสารที่สำนักงานส่งกำลังบำรุง ภายใต้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่หากปล่อยระยะเวลาผ่านไปอีกสักสิบปี ทุกคนจะลืมเรื่องนี้ไปเสียหมดเหมือนเรื่องอื่นๆที่ผ่านมา สมควรที่จะคืนความสุขให้กับประชาชนผู้เสียภาษี ให้รู้ว่าใครเป็นผู้ประมาทเลินเล่อจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง