ศึกยักษ์ชนยักษ์ รีวิวบริการดูหนังออนไลน์ 4 เจ้าใหญ่ วัดกันตั้งแต่เว็บไซต์ไปถึงมือถือ

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 23 พฤศจิกายน 2015.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความเร็วของอินเทอร์เน็ตทั้งในบ้าน และนอกบ้านของประเทศไทยกำลังเติบโตด้วยความเร็วระดับก้าวกระโดด ผลักให้เกิดบริการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ด้วยความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น หนึ่งในบริการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นบริการดูวิดีโอออนไลน์ที่เริ่มต้นด้วยการเป็นช่องทางใหม่ในการดูทีวีออนไลน์ ก่อนจะขยับไปสู่การเป็นช่องทางใหม่สำหรับดูหนังแบบตามสั่ง (on-demand) ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน

    แน่นอนว่าด้วยความนิยมของคนฝั่งคนดูที่ล้มหลาม ทำให้ผู้เล่นในตลาดวิดีโอออนไลน์นั้นแข่งขันกันอย่างคึกคักมาก มีบริการแนวนี้เปิดมาในประเทศไทยจำนวนมาก (นับรายเล็กรายน้อยแล้วเกิน 10 ไปไกล) ทาง Blognone จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะหยิบบริการดูวิดีโอออนไลน์รายใหญ่ๆ มาชนกันในทุกๆ มุม เพื่อจะได้ช่วยให้คนที่คิดว่าจะใช้งานแนวนี้ หาตัวเลือกที่ถูกใจได้ง่ายขึ้น (คำเตือน: รูปเยอะมาก)

    ปัจจัยในการทดสอบจะมีทั้งหมด 5 หัวข้อใหญ่ๆ พร้อมรายละเอียดปลีกย่อยดังนี้

    • เว็บไซต์หลัก - วิเคราะห์การออกแบบหน้าเว็บ การจัดเนื้อหาวิดีโอ การแนะนำวิดีโอ การค้นหา และประสบการณ์ใช้งาน
    • คุณภาพวิดีโอ - ความละเอียดของวิดีโอที่รับชม รูปแบบของปลักอินที่ใช้ อินเทอร์เฟซของตัวเล่นวิดีโอ และประสบการณ์รับชม
    • ประเภทของเนื้อหา - เน้นเนื้อหาแนวไหนบ้าง (ภาพยนตร์ไทย-เทศ, ซีรีส์เกาหลี, ซีรีส์ตะวันตก, หนังไทย ฯลฯ) มีภาพยนตร์ยอดนิยม หรือภาพยนตร์ชิงรางวัลมากน้อยแค่ไหน
    • การใช้งานบนมือถือ - ฟีเจอร์เท่าเว็บไซต์ไหม ประสบการณ์รับชมผ่านมือถือเป็นอย่างไร มีฟีเจอร์พิเศษอะไรบ้าง
    • ราคา - เทียบราคากับคู่แข่ง แพ็คเกจ และข้อจำกัดต่างๆ

    จากปัจจัยการทดสอบทั้งห้าข้อที่ตั้งไว้นี้ จะถูกนำไปทดสอบกับบริการดูวิดีโอออนไลน์รายใหญ่ในประเทศไทยทั้ง 4 เจ้า ได้แก่ iflix, HOOQ, PrimeTime และ Hollywood HD ลำดับการรีวิวจะเรียงแบบสุ่ม ไม่ได้เอื้อให้เจ้าใดเป็นพิเศษ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย :)

    เริ่มชนด้วยเว็บไซต์หลัก

    iflix


    เริ่มต้นกันที่น้องใหม่อันดับ 2 อย่าง iflix ที่จุดขายค่อนข้างต่างจากเจ้าอื่นๆ โดยนอกจากจะมีหนังฮออลีวูดให้ดูแล้ว ยังเน้นซีรีส์หนักพอๆ กับฝั่งภาพยนตร์ เปิดมาหน้าแรกของเว็บไซต์จะพบกับโปสเตอร์โฆษณาซีรีส์-ภาพยนตร์ที่กำลังฉายอยู่ขนาดใหญ่ก่อนสิ่งอื่นใด

    [​IMG]

    ตัวเนื้อหาใน iflix จะแบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ๆ คือ รายการทีวี, ภาพยนตร์ และช่องสำหรับเด็ก โดยวิธ๊การจัดเรียงเนื้อหาจะมีทั้งแบ่งตามประเภท (ในเมนู) และจัดกลุ่มโดยทีมงานที่เลือกภาพยนตร์แนวเดียวกันมาไว้ด้วยกัน

    [​IMG]

    ระบบค้นหาของ iflix สามารถเข้าถึงได้จากมุมขวาบนของแถบเมนู ซึ่งจะติดตามผู้ใช้ไปทุกเวลา ทดสอบค้นหาแล้วพบว่าแม่นยำดี ใช้รูปแบบการแสดงผลการค้นหาเหมือนกับหน้าเว็บไซต์หลักเป๊ะๆ ได้คะแนนบวกด้านความสม่ำเสมอของ UX ไป

    [​IMG]

    เมื่อกดเลือกภาพยนตร์ที่ต้องการแล้วจะมีรายละเอียดมาให้ตั้งแต่ เรื่องย่อ เรตผู้ชม ความยาว ปีที่ฉาย ซับไตเติลที่รองรับ ซึ่งเกือบจะครบแล้ว ขาดนิดหน่อยตรงที่ไม่บอกว่าให้ความละเอียดระดับไหน

    แน่นอนว่ามีแนะนำภาพยนตร์แนวเดียวกันมาให้ด้วย

    [​IMG]

    ปิดท้ายฝั่งเว็บไซต์ของ iflix Kids รวมเนื้อหาสำหรับเด็กที่ใช้โทนสีคนละแนวกับเว็บไซต์หลักเลย แถมยังมีให้เลือกวิดีโอได้จากตัวละครอีกด้วย

    [​IMG]

    ภาพรวมเว็บไซต์ iflix ทำออกมาได้เรียบง่าย และจัดวางฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างเป็นสัดส่วน และวางสามเนื้อหาหลักให้เข้าถึงได้อย่างชัดเจน ตัวเมนูวางไว้ด้านซ้ายสุดต้องกดก่อนจึงจะขยายออกมาอาจดูวุ่นวายเล็กน้อย แต่การใช้คำว่า Menu ตรงๆ ช่วยให้เข้าใจง่ายได้มากขึ้น รวมถึงช่องค้นหาที่เข้าถึงได้ตลอด และปรับภาษาได้ทั้งไทย-อังกฤษ เรียกได้ว่าทำเว็บไซต์ออกมาได้ดีทีเดียว

    HOOQ


    น้องใหม่สุดของวงการอย่าง HOOQ ที่พาร์ทเนอร์รายใหญ่อย่าง AIS มาร่วมแจมนั้น จัดวางหน้าเว็บไซต์ได้ต่างจากของรายก่อนหน้าอย่าง iflix อย่างสิ้นเชิง อินเทอร์เฟซพื้นฐานจะวางในรูปแบบของบล็อก เน้นรูปภาพขนาดใหญ่เป็นหลัก

    [​IMG]

    วิธีการจัดกลุ่มเนื้อหาจะแบ่งตามชุดของภาพยนตร์-ซีรีส์นั้นๆ แทนที่จะแบ่งตามประเภทไปตรงๆ

    [​IMG]

    เมนูหลักถูกวางไว้ตรงปุ่มสามขีดข้างโลโก้ กดแล้วจะขยายออกมา โดยมีฟีเจอร์หลักๆ คือเป็นช่องค้นหา และบอกภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ดูไปด้วย

    [​IMG]

    พอเริ่มพิมพ์ค้นหา ช่องทั้งหมดจะกลายร่างเป็นพื้นที่สำหรับแสดงผลการค้นหาแทน

    [​IMG]

    กดเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมของภาพยนตร์ บอกมาค่อนข้างครบถ้วนทั้งเรตผู้ชม รายชื่อนักแสดง เรื่องย่อ โดยเรื่องที่มีพากย์ไทยจะมีแถบคาดสีเหลืองติดอยู่บนโปสเตอร์หนังด้วย (หักคะแนนไม่บอกซับไต้เติล ความยาว และความละเอียด)

    [​IMG]

    ภาพรวมเว็บไซต์ของ HOOQ เน้นภาพประกอบเป็นหลัก สำหรับคนที่ใช้ฟีเจอร์ค้นหาชื่อหนังจากเบราว์เซอร์จะลำบากขึ้นหน่อย การแยกเมนูเป็นสองส่วนค่อนข้างสับสนเล็กน้อย (ฝั่งซ้ายเป็นเมนูรับชม ฝั่งขวาเป็นเมนูบัญชีผู้ใช้) ฟังก์ชันค้นหาทำงานได้ค่อนข้างแม่นยำดี

    ความเห็นส่วนตัว สีพื้นหลังสีม่วงเข้มไม่ค่อยสบายตาเท่าไรครับ แต่ส่วนที่แย่คือไม่บอกว่ามีซับไตเติลภาษาอะไรบ้างนี่ล่ะ

    PrimeTime


    เจ้าที่เกือบจะเก่าสุดจากในรายชื่อที่เลือกมาอย่าง PrimeTime ใช้เว็บไซต์หลักเป็นสีฟ้าอ่อน พื้นหลังสีเทาใกล้เคียงกับโลโกของตัวเอง วิธีการจัดวางจะคล้ายกับ iflix ตรงที่มีโปสเตอร์หลักสำหรับโชว์โปรโมชัน (ไม่ได้มีแค่รายละเอียดภาพยนตร์-ซีรีส์เหมือน iflix) การแสดงผลจะมีทั้งภาพโปสเตอร์ ชื่อ และปีที่ฉายให้ด้วย

    [​IMG]

    วิธีการจัดเรียงเนื้อหาของ PrimeTime เริ่มจากภาพยนตร์แนะนำ ตามมาด้วยภาพยนตร์ที่ดูค้างไว้ ก่อนจะเริ่มแสดงภาพยนตร์ที่จัดกลุ่มรวมให้อีกที วิธีการจัดกลุ่มจะเป็นชุดของเนื้อหาเช่น ภาพยนตร์ต่างประเทศ ภาพยนตร์ไทย ภาพยนตร์เช่า ภาพยนตร์ในแพ็คเกจบุฟเฟต์ เป็นต้น อินเทอร์เฟซที่ใช้จะคล้ายกับใน App Store ของแอปเปิล

    [​IMG]

    มีจัดชุดภาพยนตร์ที่มีภาคต่อไว้รวมกันด้วย

    [​IMG]

    สำหรับฟังก์ชันอื่นๆ ของเว็บไซต์จะมีเมนูรวมภาพยนตร์ตามแพ็คเกจด้านบนสุด และแถบสำหรับค้นหาด้านขวามือ ที่ออกจะรกไปนิดหน่อย

    [​IMG]

    อินเทอร์เฟซสำหรับแสดงผลการค้นหาใช้เหมือนกับหน้าหลักเป๊ะๆ รายละเอียดภาพยนตร์ออกไว้ครบถ้วนทั้งซับไตเติล ความยาว เรตติง เรื่องย่อ ไม่มีความละเอียดบอกเช่นเคย

    [​IMG]

    ความต่างจากบริการทั้วไปคือ PrimeTime มีระบบเช่าด้วย โดยคิดราคาแยกจากแพ็คเกจบุฟเฟต์อีกที ตัวภาพยนตร์เข่าจะมีหน้าตาต่างจากภาพยนตร์อื่นๆ โดยสามารถดูได้ 48 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มเช่า

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ภาพรวมเว็บไซต์ของ PrimeTime ทำมาได้สะอาด และใช้งานได้ง่าย แม้จะมีเมนูยุ่บยั่บอยู่ด้านบนก็ตาม ข้อด้อยที่เจอคือเว็บไซต์กินทรัพยากรเอาเรื่อง เป็นเจ้าเดียวที่โหลดช้ากว่าใครไปเสียได้

    Hollywood HD


    ปิดท้ายกันด้วยพี่ใหญ่ในวงการอย่าง Hollywood HD ที่ออกแบบเว็บไซต์หลักแนวทางเดียวกับทั้ง iflix และ PrimeTime ด้วยการใช้โปสเตอร์ขนาดใหญ่ ผสมกับชุดภาพยนตร์ที่จัดไว้

    [​IMG]

    ส่วนที่น่าสนใจ และรายอื่นไม่มีคือ Hollywoo HD มีหมวดรวมภาพยนตร์รางวัลออสการ์ด้วย

    [​IMG]

    ฟังก์ชันค้นหาสามารถเข้าได้จากปุ่มค้นหาข้างปุ่มเมนู เมื่อกดไปแล้วจะมีช่องขนาดใหญ่ขึ้นมาให้กรอก ผลลัพธ์ที่ได้นอกจากจะมีรายชื่อภาพยนตร์แล้ว ยังสามารถเรียงตามปีได้ด้วย (แต่ไม่ค่อยจะแม่นเท่าไร)

    [​IMG]

    หน้ารายละเอียดภาพยนตร์ทำได้ค่อนข้างดี มีรายละเอียดครบถ้วนทั้งเรตผู้ใช้ เรตติง ซับไตเติล เสียง รายละเอียดภาพยนตร์ เช่นเคย ไม่มีความละเอียดมาบอก

    [​IMG]

    ภาพรวมของเว็บไซต์ Hollywood HD สามารถเลือกดูภาพยนตร์ได้ค่อนข้างง่าย ไปตกม้าตายตรงฟังก์ชันค้นหาที่วุ่นวายไปหน่อย เว็บไซต์ค่อนข้างช้าเช่นกัน

    สรุปยกแรกด้านเว็บไซต์คะแนนของทั้ง iflix และ PrimeTime ค่อนข้างสูสี แต่ฝั่ง iflix เร็วกว่า เข้าใจง่ายกว่า เป็นผู้ชนะไปครับ

    มาดูวิดีโอกันเถอะ


    เกริ่นน้ำจิ้มไปยาวมาก ทีนี้ก็ถึงคิวของหนี่งในอาหารจานหลักอย่างการชมวิดิโอบนเว็บไซต์ว่าเจ้าไหนมีฟังก์ชันการใช้งานเป็นไงบ้าง

    ตัวเล่นวิดีโอของ iflix


    [​IMG]

    จากภาพตัวอย่าง ตัวเล่นวิดีโอของ iflix จะมีลูกเล่นตรงที่ใช้โลโก้ iflix เป็นปุ่มสำหรับเลิกดูด้วย ส่วนฟีเจอร์หลักอื่นๆ เลือกซับไตเติล เลือกเสียง ปรับเสียง ปรับการเล่นวิดีโอนั้นมีมาให้ครบถ้วน ถ้าหากดูซีรีส์จะมีปุ่มสำหรับเลือกตอนมาให้ด้วย (วางไว้ข้างปุ่มหยุดเล่น)

    การวางซับไตเติลของ iflix จะวางไว้เหนือแถบเลื่อนการเล่นวิดีโอ ใช้ฟอนต์สีขาวขนาดใหญ่ มีพื้นหลังสีดำโปร่งแสงมาให้ อ่านง่ายมาก ซับไตเติลแปลได้ค่อนข้างดีในกลุ่มของภาพยนตร์ที่คนดูเยอะๆ (ไม่ได้ทดลองดูซีรีส์เลย)

    ความละเอียดของวิดีโอจะค่อยๆ ปรับตามความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่ใช้ เท่าที่สุ่มทดลองดูจะได้ความละเอียดที่ราว 480p-720p ซึ่งอยู่ในระดับที่รับชมได้ดี บัฟเฟอร์ค่อนข้างไว ดูยาวๆ ได้โดยไม่ติดขัด ติดตรงที่พลังเสียงค่อนข้างเบา และไร้มิติไปเสียหน่อย

    ตัวเล่นวิดีโอของ HOOQ


    [​IMG]

    HOOQ ยังคงยืนหยัดใช้สีม่วงต่อไป โดยตัวเครื่องเล่นวิดีโอของ HOOQ จะวางปุ่มสำหรับตั้งค่าไว้ด้านขวาทั้งหมด เลือกปรับได้ตั้งแต่ ซับไตเติล เสียง และคุณภาพวิดีโอ (ไม่บอกความละเอียด)

    [​IMG]

    ซับไตเติลของ HOOQ ใช้ฟอนต์ค่อนข้างอ่านยาก และขนาดเล็กเอาเรื่อง ไม่มีพื้นหลังใดๆ วางไว้ติดกับขอบล่างของวิดีโอ แปลว่าเมื่อจะตั้งค่าหรือมือลื่นไปโดนเมาส์ จะมองไม่เห็นซับไตเติลทันที ซับไตเติลแปลไม่ค่อยดีเท่าไร

    ความละเอียดของวิดีโอที่ระดับ High คาดว่าอยู่ราวๆ 480p-720p เช่นกัน แต่บิตเรตจะต่ำกว่าคู่แข่งพอสมควร เมื่อถึงฉากเคลื่อนไหวมากๆ เตรียมรับกับภาพแตกทันที

    ตัวเล่นวิดีโอของ PrimeTime


    [​IMG]

    PrimeTime ใช้อินเทอร์เฟซเครื่องเล่นใกล้เคียงกับ iflix (ที่ตัดโลโกออกไป) ปุ่มตั้งค่าถูกวางไว้ขวาสุดทั้งซับไตเติล และเสียงภาษา ตัวเครื่องเล่นเมื่อเริ่มดูจะเป็นหน้าต่างแยกออกมา สามารถปรับขนาดได้ตามชอบ

    [​IMG]

    ซับไตเติลของ PrimeTime ใหญ่กว่า HOOQ เล็กน้อย ไม่มีพื้นหลังเช่นกัน แต่ดีกว่าตรงที่ไม่ถูกบัง เมื่อเลือกใช้เมนู แปลซับไตเติลค่อนข้างดีทีเดียว

    คุณภาพของวิดีโอจะขึ้นอยู่กับประเภท และความใหม่ โดยภาพยนตร์เช่าส่วนมากจะเป็น 1080p ส่วนภาพยนตร์บุฟเฟต์จะ 720p ลงมา ข่าวร้ายคือดูบนเว็บไซต์ค่อนข้างติดขัด มีปัญหากับบางวิดีโอที่ความละเอียดสูง (เช่น Inside Out ในภาพ) บัฟเฟอร์ไม่ทัน หรือแม้แต่เสียงไม่ตรงกับปากก็มี ในขณะที่คุณภาพเสียงของ PrimeTime จัดว่าดีทีเดียว

    ตัวเล่นวิดีโอของ Hollywood HD


    [​IMG]

    แว้บแรกที่เห็นวิดีโอของ Hollywood HD แทบทุกคนต้องแอบคิดว่า "นี่มัน YouTube ชัดๆ" (เวอร์ชันเก่าด้วย) ซึ่งในความที่เหมือนกับ YouTube น่าจะช่วยให้ผู้ใช้ค่อนข้างคุ้นเคยกับอินเทอร์เฟซได้ไว สามารถปรับได้ตั้งแต่ซับไตเติล ภาษา และความละเอียด! บอกละเอียดถึงระดับบิตเรตเลยทีเดียว (ปรบมือสามที)

    [​IMG]

    ซับไตเติลของ Hollywood HD ใช้ฟอนต์บางตัวใหญ่ มีพื้นหลังสีดำจางๆ ไม่ถูกบังจากเมนู ภาษาที่ใช้แปลซับไตเติลออกจะลิเกไปหน่อย (อย่างน้อยก็๋ใน The Lord of The Rings) ตรงนี้เลยจัดว่าเกือบดี

    คุณภาพวิดีโอมีตั้งแต่ 480p-720p ตรงนี้ดูง่ายเพราะมีบอกชัดเจน ด้านคุณภาพเสียงจัดว่าดีมากๆ

    ในยกที่สองแต่ละเจ้าทำคะแนนค่อนข้างสูสีกันมาก ถ้าวัดจากตัวเครื่องเล่นอย่างเดียว Hollywood HD จะมาวิน แต่ถ้าดูภาพรวม (วิดีโอ ซับไตเติล เสียง) ยกนี้จะตกเป็นของ PrimeTime ที่ภาพรวมทำได้ดีกว่ามาก

    ประเภทของเนื้่อหา


    ยกนี้จะมาวัดกันว่า แต่ละบริการที่เลือกมาทดสอบ เน้นเนื้อหาประเภทไหนมานำเสนอแก่ผู้ชมบ้าง ช่วงท้ายจะมียกส่วนภาพยนตร์ทำเงิน และชิงรางวัลมาเทียบด้วยว่ารายไหนมีมากกว่ากัน เพื่อให้เข้าใจง่าย จะจัดเป็นข้อๆ ไปครับ

    iflix

    • เนื้อหาโดยรวมเป็นภาพยนตร์ + ทีวีซีรีส์ต่างประเทศ
    • iflix จะเน้นโปรโมตหนักไปที่ทีวีซีรีส์เป็นหลัก จากการที่ได้หลายเรื่องมาแบบเอ็กซ์คลูซีฟ
    • ทีวีซีรีส์จะมีหลากหลาย ตั้งแต่ฝั่งตะวันตก ไปจนถึงเกาหลี (มีแอนิเมชันด้วยเล็กน้อย)
    • ภาพยนตร์แทบทั้งหมดมาจากฮอลลีวูด ไม่ค่อยมีภาพยนตร์ไทย ไม่เน้นภาพยนตร์ใหม่
    HOOQ

    • มีทั้งภาพยนตร์ และทีวีซีรีส์ต่างประเทศ
    • ถัวเฉลี่ยกันระหว่างภาพยนตร์ และทีวีซีรีส์
    • มีภาพยนตร์ไทยพอสมควร มีภาพยนตร์ต่างประเทศแบบพากย์ไทย และซีรีส์เอ็กซ์คลูซีฟ
    • ภาพยนตร์ไม่ค่อยใหม่เท่าไร ทั้งต่างประเทศ และในประเทศ
    PrimeTime

    • มีทั้งภาพยนตร์ และทีวีซีรีส์ต่างประเทศ (แยกแพ็คเกจบุฟเฟต์กัน)
    • เน้นโปรโมตหนักไปที่ภาพยนตร์ โดยเฉพาะเรื่องใหม่ชนโรง
    • จำนวนภาพยนตร์เยอะที่สุดในทุกบริการในหยิบมา เน้นเฉพาะเรื่องที่ดังติดกระแส
    • ทีวีซีรีส์แม้จะมีของต่างประเทศด้วย แต่หลักๆ เน้นไปที่ทีวีซีรีส์ในประเทศไทยมากกว่า (GTH มาเต็ม)
    • มีเทปบันทึกคอนเสิร์ตให้ชม
    • ดูทีวีได้
    Hollywood HD

    • มีทั้งภาพยนตร์ และทีวีซีรีส์เอเชีย
    • ถัวเฉลี่ยเนื้อหาค่อนข้างดี มีทั้งหนังเก่า (บุฟเฟต์) หนังใหม่ (เช่า และซื้อ) และทีวีซีรีส์เอเชียพากย์ไทย
    • มีการ์ตูนแอนิเมชันเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องที่ฉายในประเทศไทย เช่น โคนัน
    • มีหนังสั้นของ Disney ด้วย! (และแอนิเมชันของ Makoto Shinkai อีกจำนวนหนึ่ง)
    • มีหมวดหนังทำเงิน และหนังชิงรางวัล
    • ดูทีวีได้
    การใช้งานบนมือถือ


    ดูกันบนเดสก์ท็อปไปแล้วก็ถึงเวลาไปดูต่อกันบนมือถือบ้าง โชคดีที่ทุกเจ้าที่หยิบมาทดสอบในครั้งนี้ มีแอพของตัวเองกันหมด ปัจจัยตัดสินจะพูดคร่าวๆ ถึงหน้าตาแอพโดยรวม ฟีเจอร์ทัดเทียมเว็บไซต์หรือไม่ วิดีโอเป็นอย่างไร มีฟีเจอร์พืเศษอะไรบ้าง

    แอพ iflix


    เริ่มต้นกันที่ iflix ที่ทำแอพมาเหมือนกับจับเว็บไซต์มาย่อส่วนเป๊ะๆ (ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี) รวมถึงการจัดกลุ่มประเภทของภาพยนตร์ด้วย ฟีเจอร์ที่มีเหมือนกัน (และวางไว้ตำแหน่งเดียวกัน) คือการดูค้างจากที่ดูไว้ มีแถบสีบอกระยะเวลาที่เหลือเรียบร้อย

    [​IMG] [​IMG]

    การวางเมนูของแอพ iflix ก็เหมือนกับเว็บไซต์เช่นกัน รวมถึงปุ่มค้นหาที่จะอยู่กับเมนูด้านบนที่ให้ผลการค้นหาค่อนข้างแม่นยำ (พิมพ์ผิดยังหาเจอ)

    [​IMG] [​IMG]

    สำหรับเรื่องที่ดูค้างไว้จากบนเดสก์ท็อป ถ้าหากกดไปเล่นต่อ จะมีขึ้นมาถามว่าจะเล่นต่อจากเดิมเลยหรือไม่

    [​IMG] [​IMG]

    ตัวเล่นวิดีโอในแอพทำหน้าตาคล้ายกับบนเว็บไซต์เช่นกัน น่าเสียดายที่ตัวแอพป้องกันไม่ให้เก็บภาพหน้าจอส่วนวิดีโอ จึงจะเน้นเฉพาะส่วนอินเทอร์เฟซเป็นหลัก ซึ่งข้อติจริงๆ ก็มีแค่ซับไตเติลถูกแถบเลื่อนเวลาของวิดีโอบังเท่านั้นเอง

    คุณภาพภาพ และเสียงทำได้ใกล้เคียงกับเวอร์ชันเว็บไซต์ โดยเฉพาะเสียงที่เบากว่าบริการอื่นก็ยังติดมาด้วย ส่วนการบัฟเฟอร์ ทำได้รวดเร็วดี ดูได้ไม่กระตุก แถบเมนูบนหน้าจอของ Android จะโผล่มาเฉพาะตอนกดหน้าจอเพื่อเปิดเมนูเท่านั้น และหายไปพร้อมกับเมนู ไม่อยู่ค้างบังหน้าจอแต่อย่างใด

    [​IMG]

    [​IMG]

    ปิดท้ายด้วยโหมดสำหรับเด็กก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน

    [​IMG]

    แอพ HOOQ


    เช่นเดียวกับ iflix ทาง HOOQ เลือกที่จะออกแบบแอพบนสมาร์ทโฟนให้หน้าตาเหมือนกับเดสก์ท็อปเช่นกัน สิ่งที่ต่างคือเมนูจากเดิมที่เป็นหน้าต่างเปิดทับเว็บไซต์ จะกลายเป็นแถบขนาดใหญ่จากด้านซ้ายแทน ตามแนวทางของแอพบนสมาร์ทโฟนทั่วไป

    [​IMG] [​IMG]

    ในหน้าเมนูจะมีเรื่องที่ดูล่าสุดอยู่เช่นเคย แต่ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือ ในแอพของ HOOQ สามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์มาเก็บไว้ดูแบบออฟไลน์ได้ด้วย

    [​IMG] [​IMG]

    หน้ารายละเอียดของ HOOQ ในแอพให้รายละเอียดน้อยเท่าๆ กันกับในเว็บไซต์ ต่างตรงเมนูดาวน์โหลดดูออฟไลน์ที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งสามารถเลือกความละเอียดได้สามระดับด้วยกัน (แบบ High ของเรื่องนี้ได้ที่ 480p)

    [​IMG] [​IMG]

    พอกดดาวน์โหลดเรียบร้อย ตัวภาพยนตร์ที่เลือกจะเด้งมาอยู่ที่ในหน้า My Library ใต้แถบ My Downloads ซึ่งจะบอกระยะเวลาดาวน์โหลดให้เสร็จสรรพ

    [​IMG]

    การตั้งค่าของตัวแอพจะละเอียดกว่าบนเดสก์ท็อปพอสมควร โดยตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นมาทั้งหมดจะเกี่ยวกับการดูผ่าน 3G, ดูออฟไลน์ และการเลือกคุณภาพภาพยนตร์ที่จะดาวน์โหลดเข้ามาไว้ในเครื่อง ส่วนสามตัวเลือกด้านล่างจะมีเหมือนกับบนเดสก์ท็อป

    [​IMG] [​IMG]

    เครื่องเล่นวิดีโอในของ HOOQ จะป้องกันการเก็บภาพหน้าจอแบบเต็มรูปแบบ เลยต้องใช้การถ่ายภาพหน้าจอมาแทน ตัวเครื่องเล่นวางวิดีโอไว้ด้านล่างสุด (แน่นอนว่าถูกบังโดยเมนู)

    [​IMG]

    ปุ่มตั้งค่าวิดีโอในระหว่างเล่น ถูกรวบเป็นปุ่มเดียวเหมือนบนเว็บไซต์ กดแล้วจะมีตัวเลือกให้ปรับตั้งแต่ ซับไตเติล ภาพ และความละเอียดวิดีโอ การเล่นวิดีโอผ่านแอพ HOOQ ทำได้ค่อนข้างดีกว่าบนเดสก์ท็อป แม้ว่าซับไตเติลจะขนาดใกล้เคียงกัน แต่พอมาอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้วกลับกลายเป็นขนาดที่กำลังดี ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือบอกว่าเครือข่ายที่เชื่อมต่ออยู่ในขณะนั้น สัญญาณดีหรือไม่ (ในภาพคือดี เป็นวงกลมสีเขียว)

    [​IMG]

    แอพ PrimeTime


    PrimeTime ก็เป็นอีกเจ้าที่เลือกทำแอพหน้าตาใกล้เคียงกับเว็บไซต์ ต่างกันตรงที่ไม่หนืด โหลดหลักเหมือนกับบนเดสก์ท็อปแล้ว แถบเมนูวางไว้ด้านซ้ายสุด แทนที่จะกองรวมไว้ด้านบนเหมือนกับเว็บไซต์

    [​IMG] [​IMG]

    รายละเอียดของภาพยนตร์ยังคงบอกอย่างครบถ้วน

    [​IMG]

    สิ่งที่่น่าประทับใจของแอพ PrimeTime คือทำตัวเล่นวิดีโอได้ค่อนข้างดีมาก (ดีกว่าบนเว็บไซต์) สามารถเล่นวิดีโอความละเอียดสูงได้อย่างต่อเนื่อง แต่มีชะงักโหลดบัฟเฟอร์เล็กน้อยกับเรื่องที่มีความละเอียด 1080p (ต่ำกว่านี้ไม่มีบัฟเฟอร์เลย)

    เมนูทั้งหมดถูกวางไว้ด้านบน ต่างกับบนเว็บไซต์ที่วางไว้ด้านล่าง สามารถปรับได้ทั้งซับไตเติล และเสียง

    [​IMG]

    การวางซับไตเติล จะอยู่ตำแหน่งล่างสุดของหน้าจอ แม้จะถูกบังด้วยเมนู แต่ก็เป็นเมนูแบบโปร่งใส สามารถมองทะลุไปเห็นซับไตเติลได้

    [​IMG]

    ปุ่ม dts ที่เห็นข้างปุ่มตั้งค่าซับไตเติล มีไว้สำหรับจูนเสียงเข้ากับหูฟังโดยเฉพาะ เมื่อกดไปแล้วแอพจะถามว่าใช้หูฟังอะไรอยู่ (ด้านล่างคือรายชื่อรุ่นดังที่แอพแนะนำ)

    [​IMG]

    พอเลือกชนิดหูฟังเรียบร้อยแล้ว ตัวเลือกต่อมาคือเลือกประเภทของเสียงที่ต้องการ ซึ่งมีสามแบบคือ Wide สำหรับคนที่ต้องการเสียงกว้างๆ เหมือนในโรงภาพยนตร์ In-Front สำหรับคนที่อยากฟังเสียงชัดๆ และ Traditional สำหรับคนที่อยากได้เสียงแบบปกติ ซึ่งต้องไม่ลืมว่าจะต้องกดให้ตัวเลือกตรงกลางของ dts Headphone เป็น ON ด้วย

    [​IMG]

    แอพ Hollywood HD


    มาถึงเจ้าสุดท้ายอย่าง Hollywood HD พี่ใหญ่ของวงการที่ทำแอพมาต่างกับบนเว็บไซต์เล็กน้อย ด้วยการเพิ่มแถบเมนูด้านล่างที่แยกการใช้งานอย่างชัดเจน ระหว่างหมวดภาพยนตร์บุฟเฟต์ และภาพยนตร์ให้เช่า (ตรงกลางเป็นปุ่มสำหรับกลับหน้าแรก) ส่วนการวางตำแหน่ง การจัดหมวดภาพยนตร์ยังเหมือนเดิมเป๊ะ

    [​IMG] [​IMG]

    ตัว Hollywood HD นอกจากจะมีระบบเช่าเหมือนกับ PrimeTime แล้ว ยังมีระบบให้ซื้อขาดอีกด้วย โดยราคาจะแปรผันไปตามความใหม่ และความดังของเรื่องนั้นๆ ราคาซื้อขาดจะอยู่ที่ราว 149 - 299 บาท

    [​IMG] [​IMG]

    ส่วนราคาเช่าจะตายตัวอยู่ที่ 60 บาท แต่สำหรับบางเรื่องที่ออกมาใหม่จะยังไม่มีตัวเลือกให้เช่า เช่น Inside Out ด้านบน

    [​IMG] [​IMG]

    รายละเอียดของภาพยนตร์ในแอพ Hollywood HD ทำมาค่อนข้างละเอียด บอกครบเหมือนบนเว็บไซต์ แต่จัดใส่ตารางให้อ่านง่ายขึ้น

    [​IMG]

    ตัวเครื่องเล่นวิดีโอ แม้ไม่ได้ทำให้เหมือน YouTube แบบบนเว็บไซต์ แต่ก็ทำให้เข้าใจได้ง่าย มีปุ่มให้ปรับแยกกันตั้งแต่ซับไตเติล เสียง และคุณภาพวิดีโอ

    ข้อเสียที่เจอของเครื่องเล่นวิดีโอในแอพ Hollywood HD คือตัววิดีโอเริ่มเล่นมาโดยไม่มีปุ่มเมนูของ Android (สามปุ่มบนหน้าจอ) แต่ถ้ากดหน้าจอเพื่อจะตั้งค่าใดๆ ก็ตาม ปุ่มเมนูของ Android จะค้างอยู่แบบนั้นจนกว่าจะเปิดดูใหม่อีกครั้ง

    [​IMG]

    [​IMG]

    ฟีเจอร์ค้นหา (ไม่ได้เก็บภาพหน้าจอมา) พอมาอยู่บนแอพแล้วดูดีขึ้น เนื่องจากโชว์ผลการค้นหาอย่างเดียว ถ้าหากจะดูเพิ่มเติม อย่างการแยกประเภท แยกปี จะต้องกดปุ่มเพิ่มเติม ซึ่งดูดีกว่าบนเว็บไซต์ แม้ว่าจะยังให้ผลค้นหางงๆ อยู่ก็ตาม

    ในยกที่สี่ด้านการทำแอพบนสมาร์ทโฟนนั้น PrimeTime เรียกได้ว่าทำคะแนนเหนือกว่าคู่แข่งเกือบทุกด้าน ทั้งการเพิ่มฟีเจอร์ระบบเสียง และซับไตเติลที่ไม่โดนบังด้วยเมนู ภาพรวมดูดีกว่าบนเว็บไซต์ด้วยซ้ำ ตามมาด้วย HOOQ ที่ให้ฟีเจอร์ที่หลายคนอยากได้อย่างการดาวน์โหลดวิดีโอไว้ดูออฟไลน์นั่นเอง

    สำหรับเทรนด์การทำแอพบนสมาร์ทโฟน แทบทุกเจ้าเน้นออกแบบให้คล้ายกับบนเว็บไซต์นั้นเป็นเรื่องที่ดีแล้ว ผู้ใช้น่าจะปรับตัวมาเล่นแอพได้ไม่ยาก


    ราคา แพ็คเกจ และข้อจำกัด


    ในที่สุดเราก็มาถึงบทสุดท้ายของการรีวิว ว่าด้วยสิ่งสำคัญที่สุดอย่างค่าใช้จ่ายรายเดือนของแต่ละเจ้า รวมถึงข้อจำกัดเช่น ใช้งานพร้อมกันได้หรือไม่ ใช้ได้พร้อมกันกี่เครื่อง รวมถึงการแบ่งแพ็คเกจว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง สรุปสั้นๆ เป็นข้อๆ ได้ตามนี้

    ifilx


    [​IMG]

    • เดือนละ 100 บาท รายปี ลดไป 17% เหลือ 1,000 บาท
    • ใช้ได้สูงสุด 5 เครื่อง
    • ดูได้ทั้งภาพยนตร์ และทีวีซีรีส์
    • ไม่มีระบบเช่าภาพยนตร์
    HOOQ


    [​IMG]

    • เดือนละ 119 บาท จ่ายเงินผ่าน AIS ได้
    • ต่ออายุอัตโนมัติ ต้องมาเลิกบริการเอง
    • ดูได้ทั้งภาพยนตร์ และทีวีซีรีส์
    • ไม่มีระบบเช่าภาพยนตร์
    • ไม่มีข้อจำกัดจำนวนเครื่องที่รับชม (?)
    PrimeTime


    [​IMG]

    [​IMG]

    • รายเดือนถูกสุดเดือนละ 99 บาท แต่ถ้าจะเข้าถึงชุดบุฟเฟต์ต้องจ่าย 199 บาท มีแพ็คเกจแบบสมัครรายปี แต่ไม่มีส่วนลด
    • ทีวีซีรีส์บุฟเฟต์เดือนละ 299 บาท
    • ตั๋วสำหรับใช้เช่าหนังขายรวมในแพ็คเกจ แพ็คเกจละ 2 ใบในราคา 100 บาท (ถูกกว่าราคาส่วนลดที่ 79 บาท/ใบ) มีโปรโมชันพิเศษ 50 บาท/ใบ เมื่อซื้อด้วยช่องทางที่กำหนด
    • ตั๋วหนังมีอายุ 21 วัน ใช้งานแล้วดูได้ 48 ชั่วโมง
    • ไม่รองรับอุปกรณ์ที่เจลเบรก หรือรูท ฝั่งเว็บไซต์ใช้งานได้กับ Chrome เท่านั้น
    • จำกัดการใช้งานสูงสุด 3 เครื่อง เล่นพร้อมกันไม่ได้
    Hollywood HD


    [​IMG]

    • รายเดือนเริ่มต้นที่ 199 บาท มีแต้มใช้เช่าภาพยนตร์ได้ 1 เรื่อง ต่ออายุอัตโนมัติถ้าจ่ายด้วยบัตรเครดิต/เดบิต (แจ้งยกเลิกต้องบอกล่วงหน้า 7 วัน)
    • ระบบเช่าคิดค่าบริการ 60 บาท/เรื่อง
    • ไม่รองรับอุปกรณ์เจลเบรก และรูท ฝั่งเว็บไซต์ใช้ได้กับ Chrome และ Firefox
    • ใช้งานได้สูงสุด 3 เครื่อง เล่นพร้อมกันไม่ได้ เปลี่ยนแปลงได้เดือนละ 1 ครั้ง
    สรุป


    ให้ดูรายละเอียดของแต่ละบริการแบบยืดยาวกันมามากแล้ว จะสรุปสั้นๆ สำหรับคนที่ยังตัดสินใจไม่ถูก ตามนี้

    • ชอบซีรีส์ต่างประเทศ - iflix
    • ชอบภาพยนตร์ใหม่ทันกระแส - PrimeTime
    • ชอบเก็บหนังย้อนยุค และคลังการ์ตูน - Hollywood HD
    • เลือกไม่ถูกอยากได้ทุกอย่าง - HOOQ

    สำหรับความเห็นคนทดสอบชอบ PrimeTime เป็นพิเศษ แม้ระบบจะจุกจิกไปหน่อย (รวมถึงระบบเช่า) แต่ก็เป็นเจ้าที่ทำตัวเครื่องเล่นวิดีโอได้ดีที่สุดโดยเฉพาะในสมาร์ทโฟน ส่วนรายที่คุ้มค่าที่สุดจะเป็น iflix

    ของแถมปิดท้าย


    ยังมีอีกหลายผู้ให้บริการที่ได้ทดสอบเล็กๆ น้อยๆ แต่ว่าไม่ได้นำมารวมในรีวิวใหญ่ด้วย เนื่องจากขาดฟีเจอร์ไปหลายอย่าง จะขอสรุปไว้สั้นๆ ตอนท้ายตามนี้ครับ

    • Doonung - บริการดูหนังออนไลน์จากค่าย Mono มีหนังและซีรีส์ต่างประเทศพอสมควร จุดเด่นคือมีสาว A'lure ให้ดูด้วย
    • Doonee - บริการดูซีรีส์ออนไลน์ที่จับมือกับอินเทลประเทศไทยอยู่ แม้จะไม่มีซีรีส์ใหม่ทันกระแส แต่ก็มีจำนวนเยอะมาก
    • Wisplay - บริการดูหนังออนไลน
      แบบเหมาโหลที่หาซื้อได้จาก 7-11 จุดเด่นอยู่ที่ราคาถูกมาก (59 บาทต่อชุดดูได้ 49 เรื่อง) แต่เลือกดูหนังได้เฉพาะชุดที่เลือกเท่านั้น งานนี้ตาดีได้ตาร้ายเสีย ล่าสุดเพิ่งอัพเดตใหม่ มีทีวีซีรีส์แล้ว แต่ต้องจ่ายแพงกว่า
    Thailand, HOOQ, iflix, Movie, Online Video, Primetime, Review,
     

แบ่งปันหน้านี้