ไทยพาณิชย์ชี้ความเชื่อมั่นฟื้น มั่นใจสินเชื่อทั้งปีโตตามเป้า 5-6% หลังความรู้สึกลูกค้าเริ่มดีขึ้น นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า แม้ว่าความมั่นใจจะฟื้นกลับมาหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ามาดูแลเศรษฐกิจ ทำให้ความรู้สึกของประชาชนกลับมามีความมั่นใจมากขึ้น จากเหตุการณ์ที่สงบลง ทำให้คนกลับมาสนใจทำการค้ามากขึ้นจากช่วง 6 เดือนก่อนหน้านี้ที่แทบไม่มีการค้าขาย แต่การดำเนินการผลักดันมาตรการต่าง ๆ จนเห็นผลต่อเศรษฐกิจต้องใช้เวลา เช่นเดียวกับโครงการระยะยาวที่กำลังพิจารณาและเริ่มต้น จะต้องใช้เวลาและยังไม่เห็นผลกับความต้องการสินเชื่อมากนัก “อยากให้ใจเย็นกันนิดนึง จีดีพีจะไปถึง 1.5-2% ได้ ก็ไม่สำคัญเท่าการสร้างรากฐานให้แข็งแรง ที่ผ่านมาคสช.ก็ทำอะไรเยอะมาก ทำไปเรื่อย ๆ อีก 3 เดือนจะเห็นว่าประเทศผิดไปเยอะ เพราะการมีอำนาจและเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องจะเป็นเรื่องดีกับประเทศชาติ ส่วนการกู้เงิน2-3ล้านล้านบาทไม่เป็นปัญหา ถ้าเลือกโครงการให้ถูกต้อง” ทั้งนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีเชื่อว่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งแรกของปี รวมถึงดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เริ่มมีปัญหาทางการเมือง ในแง่ของสินเชื่อนั้นเชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5-6% แม้ในขณะนี้ยังไม่เห็นความต้องการเพิ่มมากนัก แต่ความรู้สึกของลูกค้าดีขึ้นมากอย่างชัดเจนและพร้อมที่จะจับจ่ายใช้สอย โดยจะเห็นชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 ที่เข้าสู่ฤดูกาลสินเชื่อ นางกรรณิกากล่าวว่าการฟื้นตัวจะเริ่มจากสินเชื่อรายย่อยและเอสเอ็มอี ที่จะได้รับผลดีจากการความเชื่อมั่นที่ฟื้นคืนมาก่อน ส่วนสินเชื่อขนาดใหญ่ยังต้องรอโครงการต่าง ๆ ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ส่วนสถานการณ์ราคารถมือสองในขณะนี้เริ่มทรงตัวและไม่ปรับลดลงเหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าสินเชื่อเช่าซื้อจะยังไม่กลับมาในปีนี้ คงต้องรออีกระยะหนึ่งจึงจะดีขึ้น ในส่วนของลูกค้าเอสเอ็มอีธนาคารมีมาตรการออกมาให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ต้นปีสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยในช่วงไตรมาส 2 นี้เอ็นพีแอลยังทรงตัวจากไตรมาสแรก และเชื่อว่าทั้งปีจะรักษาไว้ได้ที่ระดับ 2% ขณะที่การตั้งสำรองในปีนี้ยังอยู่ในระดับปกติ หรือไตรมาสละ 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ในปัจจุบันธนาคารมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS Ratio)อยู่ที่ระดับ 15.6% ซึ่งถือเป็นระดับที่มีความเหมาะสม แบ่งเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ประมาณ 12% ที่เหลือเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 2 แต่ธนาคารจะให้ความสำคัญกับเงินกองทุนขั้นที่ 1 เป็นหลัก และยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่ 2 แต่อย่างใด “ในปีนี้ธนาคารไม่ได้มีการปรับยุทธศาสตร์ที่วางไว้ แต่ยอมรับว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเราต้องเข้าไปดูวิธีปฏิบัติต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแนวทางที่ปรับไว้ โดยในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อเท่ากับระบบที่ 5-6% ครึ่งปีหลังเราก็คงไม่บุกอะไรมาก แต่จะเป็นการตอบสนองความต้องการของตลาด” Tags : กรรณิกา ชลิตอาภรณ์ • ไทยพาณิชย์ • ความเชื่อมั่น • เศรษฐกิจ