โบรกเกอร์ เผยราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มขึ้นต่อเนื่อง หลังสถานการณ์ในอิรักยังไม่มีทีท่าสงบลง นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส เปิดเผยว่า บล.เอเซียพลัส ขอประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกสักระยะ ก่อนพิจารณาว่าจะมีการปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปีนี้ใหม่หรือไม่ โดยปัจจุบันคาดว่าราคาเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากสถานการณ์ความไม่สงบในอิรัก อย่างไรก็ตามมองว่าสถานการณ์ในอิรักยังไม่มีทีท่าจะยุติลงโดยง่าย หนุนให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง จึงมีโอกาสที่จะปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันปีนี้ขึ้น ขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการน้ำมัน โดยเฉพาะบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) ทางฝ่ายวิจัยจึงให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มนี้มากกว่าตลาด หากย้อนดูสถานการณ์ในช่วงที่เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซีย ที่อิรักบุกคูเวต เมื่อ 2 ส.ค.2533 ซึ่งสถานการณ์ยืดเยื้อกว่า 5 เดือน พบว่าในช่วงนั้นราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นสูงมากถึง 30% ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับลดลงต่อเนื่องกว่า 48.3% ก่อนจะมาฟื้นตัวแรงกว่า 31.7% ในช่วงที่สหรัฐฯ และกองกำลังผสมเข้าขับไล่อิรักเมื่อวันที่ 15 ม.ค.2534 และหลังจากที่สหรัฐประกาศชัยชนะเมื่อ 28 ก.พ.2534 ตลาดหุ้นไทยยังขึ้นต่อเนื่องในอีก 1 เดือนกว่า 12% ส่วนเหตุการณ์สหรัฐบุกยึดอิรักเมื่อ 19 มี.ค.2546 แม้ก่อนที่สหรัฐจะเข้ายึดอิรัก 1 เดือน ตลาดหุ้นไทย และกลุ่มพลังงานจะปรับลดลงกว่า 4% แต่ภายหลังการเริ่มปฏิบัติการทางทหารจนสามารถยึดอิรักได้เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2546 ราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน และตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้น 1.7% และ 4.7% ตามลำดับ และยังขึ้นต่อเนื่องในอีก 3 เดือนถัดมากว่า 51.4% และ 28.3% ตามลำดับ ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.เคทีซีมิโก้ เปิดเผยว่า สถานการณ์ในอิรักที่ทวีความรุนแรง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 9 เดือน แม้ความเสี่ยงของการลดลงของอุปทานน้ำมันจากอิรักจะอยู่ในระดับจำกัดในระยะสั้น เนื่องจากแหล่งน้ำมันดิบส่วนใหญ่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งยังไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุความรุนแรงรอบนี้ แต่การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันสะท้อนความกังวลของตลาดต่อศักยภาพของอิรักในการเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบ เพื่อมาชดเชยอุปทานน้ำมันส่วนที่ขาดหายไปของลิเบีย จากเหตุความไม่สงบในประเทศ และของอิหร่านจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร ทั้งนี้ประเมินว่า ปตท.สผ. ซึ่งมีสัดส่วนปริมาณการขายน้ำมันคิดเป็น 1 ใน 3 บริษัท จะได้รับผลบวกจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ จากการศึกษาพบว่า สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่เปลี่ยนแปลงไปทุกๆ 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิของปตท.สผ. 1% หรือประมาณ 650 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปีนี้อยู่ที่ 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 104.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ผู้ประกอบการปลายน้ำ โดยเฉพาะผู้ค้าปลีกน้ำมัน ยังมีความเสี่ยง จากแนวทางการปฏิรูปราคาพลังงานของ คสช.ที่ได้มีการนำร่องในการลดราคาน้ำมันดีเซลลง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับลดค่าการตลาดของผู้ค้าปลีกน้ำมันลง ดังนั้น สัญญาณการแทรกแซงของรัฐบาลดังกล่าว ทำให้ตลาดเกิดความกังวลต่อความเสี่ยงเชิงลบต่ออัตรากำไรของผู้ประกอบการปลายน้ำ Tags : เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม • ราคาน้ำมัน • หุ้นพลังงาน