หุ้นกลุ่มเหล็กเก็งกำไรคึกคัก รับอานิสงส์โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้า "ทาทา สตีล" พุ่ง 4.7 % การเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มเหล็ก ปรับตัวขึ้นคึกคัก หลายหลักทรัพย์เริ่มขยับตัวขึ้น โดย หุ้นของบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่น โดยมีปริมาณการซื้อขายสูงสุด และราคาหุ้นปิดการซื้อขายที่ 0.84 บาทต่อหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.76 % บริษัท เอเชีย เมทัล (AMC) ปิดการซื้อขายที่ 2.68 บาทต่อหุ้น ปรับตัว 0.75 % บริษัทค้าเหล็กไทย (TMT) ปิดการซื้อขายที่ 10.80 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในรายของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสทรี (SSI) ปิดที่ 0.40 บาทต่อหุ้น ลดลง 2.44% นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. เอเซีย พลัส เปิดเผยว่าการที่ หุ้นกลุ่มเหล็กปรับตัวขึ้นสูงเกิดจากการเก็งกำไรในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่ากลุ่มเหล็กน่าจะได้รับอานิสงส์ “กลุ่มเหล็กปรับตัวขึ้นมาจากแรงเก็งกำไรเข้ามาพร้อมๆ กับหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากความคาดหวังนักลงทุนในโครงการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ คสช. เพราะหลายโครงการมีการใช้เหล็กจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ” เขากล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มเหล็กนั้นต้องยอมรับว่าไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก เพราะราคาเหล็กยังอยู่ในระดับต่ำ เป็นธุรกิจที่กำไรน้อยมาก ประกอบกับหลังหมดมาตรการรถยนต์คันแรก ทำให้ปริมาณการใช้เหล็กในช่วงไตรมาสที่ 1/2557 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหดตัวลงชัดเจน อย่างไรก็ตาม กลุ่มเหล็กจะได้รับอานิสงส์โครงการของภาครัฐ จะเกิดขึ้นไม่เร็วนัก เพราะกระบวนการต่างๆ เพิ่งเริ่มต้น และน่าจะเริ่มมีผลต่อผลประกอบการอย่างชัดเจนในปี 2558 เป็นต้นไป โดยเหล็กที่จะได้รับอานิสงส์มากที่สุดคือ เหล็กประเภททรงตรง หรือเหล็กเส้น สำหรับคำแนะนำนักลงทุนนั้น หุ้นกลุ่มเหล็กปรับตัวขึ้นมามากระดับหนึ่ง และมีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างสูง ยังสามารถเข้าลงทุนในรูปแบบเก็งกำไรได้ แต่ไม่แนะนำให้ลงทุนในรูปแบบถือยาว เพราะกลุ่มดังกล่าวยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ และผลประกอบการกว่าจะสะท้อนความคาดหวังนักลงทุนได้ ต้องรอถึงปี 2558 อย่างไรก็ตาม บล.เอเซีย พลัส มองว่า สำหรับแนวโน้มหุ้นของบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) นั้นมองว่า ระยะสั้นอาจไม่สดใส แม้ภาพของการบริโภคเหล็กของไทยจะขยายตัว 4-5% โดยมองว่า การขายเหล็กของบริษัทน่าจะอยู่ที่ 1.3 ล้านตัน อยู่ในระดับเดียวกันกับปีก่อน โดยมีปัจจัยลบจากการต่ออายุมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเหล็กลวดคาร์บอนสูงนำเข้าจากประเทศจีน กดดันให้ระดับการขายเหล็กของบริษัทปรับลดลงเหลือเพียง 2-3 พันตันต่อเดือน จากปกติที่ขายได้ระดับ 1 หมื่นตันต่อเดือน ทำให้บริษัทต้องหันมาปรับกลยุทธ์มาเพิ่มสัดส่วนของการขายเหล็กเส้นและเหล็กเกรดพิเศษให้มากขึ้น ด้านผลประกอบการ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 (มกราคม - มีนาคม 2557) มียอดขาย 3.4 แสนตันเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 12 % โดยบริษัทมีกำไรก่อนหักภาษี 37 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสก่อน 14 ล้านบาท โดยมียอดสะสมกำไรสุทธิก่อนหักภาษี 84 ล้านบาท Tags : หุ้นกลุ่มเหล็ก • เก็งกำไร • โครงสร้างพื้นฐาน