"ช.การช่าง"มองกลุ่มรับเหมาสดใสขึ้น หลังคสช.ขับเคลื่อนการลงทุน คาดมีงานก่อสร้างออกใหม่ 1.5 แสนล้านบาท นายประเสริฐ มริตตนะพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มงานบริหาร บริษัท ช.การช่าง (CK) กล่าวว่า หลังจากการเปิดนโยบายการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะส่งผลดีกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยประเมินว่าปีนี้ คสช. น่าจะมีการผลักดันโครงการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนล้านบาท "หลังจากคสช.เร่งนโยบายการลงทุนออกมา ทำให้ภาพธุรกิจรับเหมาดีขึ้นมาก และน่าจะมีโครงการออกมาประมาณ 1.5 แสนล้านบาท เราคาดหวังจะได้งานส่วนนี้ที่ 20 % ของมูลค่าโครงการทั้งหมด" ช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับโครงสร้าง และฐานเงินทุน เพื่อรองรับโครงการขนาดใหญ่ ตั้งแต่การขับเคลื่อนนโยบายลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลชุดก่อน โดยเคลียร์โครงการขนาดใหญ่ที่มีอยู่เดิมให้แล้วเสร็จก่อนกำหนด เพื่อให้มีแรงงานมากพอรับงานใหม่ รวมถึงจัดทัพด้านการเงินให้เข้มแข็งขึ้น ทำให้มีศักยภาพในการกู้เงินได้อีก 5,000 ล้านบาท ส่วนปัญหาการจัดระเบียบแรงงานต่างชาติ ไม่ส่งผลกระทบกับบริษัท เพราะส่วนใหญ่เน้นงานก่อสร้างที่ใช้เทคโนโลยีสูง แรงงานส่วนใหญ่เป็นคนไทย สำหรับผลการดำเนินงานปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมาย รายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท ระดับเดียวกันกับปีก่อน มาจากงานในมือที่รอรับรู้รายได้ 104,000 ล้านบาท รับรู้ในปีนี้ทั้งสิ้น 32,000 ล้านบาท หรือไตรมาส 8,000 ล้านบาท โดยรายได้นั้น 60% มาจากการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรี ขณะเดียวกัน คาดว่าปีนี้ บริษัทจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม 2.8 พันล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อนที่มี 3 พันล้านบาท ส่วนเป้าหมายกำไรสุทธิปีนี้จะรักษาการเติบโตระดับ 8-10% ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญาก่อสร้าง 2 โครงการ ได้แก่ การก่อสร้างโรงไฟฟ้า เอสพีพี บางปะอิน มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างเขื่อนน้ำบาก มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท เขากล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการของบริษัท ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ก่อสร้างโยธาแล้วเสร็จแล้ว 98% ทั้งนี้บริษัทได้มีการสั่งขบวนรถโดยสาร 21 ขบวน แบบ 3 ตู้ คาดว่า จะได้รับรถในช่วงปี 2558 โดยคาดว่า จะเปิดให้บริการได้ในช่วงกลางปี 2559 เร็วกว่าแผนเดิม 5 เดือน ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน อยู่ระหว่างการขุดอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา คืบหน้าการก่อสร้างแล้ว 55% นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ ผู้จัดการสำนักกรรมการผู้จัดการใหญ่และเลขนุการบริษัท ช.การช่าง (CK) ยังกล่าวเสริมด้วยว่า หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทำให้นักลงทุนต่างชาติหลายรายได้ขอเข้ามาพบ โดยนักลงทุนต่างชาติยังให้ความมั่นใจกับหุ้นบริษัท และมองอนาคต จะมีการเติบโตที่ดีจากการเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 "ต่างชาติให้ความสนใจเราเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่มรับเหมา อีกทั้งบริษัทจะมีการออกไปให้ข้อมูลนักลงทุนต่างชาติ ในประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และมาเลเซีย หลังจากการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 2 โดยปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นอยู่ 3%" ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอความคิดเห็นกับผลดีต่อผู้ประกอบการกลุ่มรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ กับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ซึ่งทั้ง 2 ราย ยังไม่สะดวกที่จะให้ความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว ด้านนายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทุกครั้งที่ผ่านมา จะมีการออกนโยบายจากกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยสถิติพบว่า หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จะมีเม็ดเงินออกจากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 5 ไตรมาส ติดต่อกัน โดยกลุ่มหุ้นรับเหมาจะเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์เต็มๆ ทั้งนี้ราคาหุ้นกลุ่มรับเหมามีการตอบรับข่าวไปแล้วพอสมควร โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่ ต่างจากหุ้นรับเหมาขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ยังมีอัพไซด์อยู่ จึงมีความน่าสนใจลงทุนมากกว่า แต่ต้องเตือนนักลงทุนว่า โครงการขนาดใหญ่อาจไม่ออกมาเร็วอย่างที่นักลงทุนคาดหวัง เป็นความเสี่ยงกับหุ้นรับเหมาเช่นกัน Tags : ประเสริฐ มริตตนะพร • ช.การช่าง • กลุ่มรับเหมา • เศรษฐกิจ • คสช.