บลจ.ไทยพาณิชย์ประเมินต่างชาติใกล้กลับเข้าลงทุน เหตุถือหุ้นไทยน้อยเกินไป ทำผลตอบแทนสู้ตลาดไม่ได้ นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันความชัดเจนทางการเมืองทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและกล้าที่จะลงทุน แต่ผลที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจจริงคงต้องใช้เวลา หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมาตรการต่างๆ ออกมา ซึ่งตลาดหุ้นได้ตอบรับไปล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 และ 3 อาจจะยังไม่สะท้อนผลของมาตรการต่างๆ อย่างเร็วสุดก็เป็นในช่วงไตรมาสที่ 4 หรือไตรมาสที่ 1 ปี 2558 ทั้งนี้ เชื่อว่าอีกไม่นานนักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เพราะปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นไทยค่อนข้างน้อย โอกาสที่จะขายไปมากกว่านี้คงมีไม่มากนัก และในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยก็ปรับตัวขึ้นมาพอสมควร การที่ต่างชาติถือหุ้นไทยน้อยทำให้ผลตอบแทนเขาไม่ดีเท่าตลาดถือเป็นความเสี่ยงเช่นกัน ในส่วนของเม็ดเงินลงทุนโดยตรงก็เช่นกัน หลังจากมีการลงทุนภาครัฐเข้ามาขับเคลื่อนคงจะเริ่มเห็นการลงทุนของเอกชนติดตามมา โดยน่าจะเป็นส่วนของนักลงทุนไทยก่อนจากนั้นจะตามมาด้วยนักลงทุนต่างชาติ “นักลงทุนต่างชาติที่มีความเข้าใจในประเทศไทยเขาไม่ได้ขายหุ้นไทยออกมาในช่วงที่มีการประกาศกฎอัยการศึกแต่ประการใด จะมีในส่วนของนักลงทุนต่างชาติที่ไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในไทยมากกว่าที่ขายออกไป แต่เชื่อว่าอีกไม่นานนักลงทุนต่างชาติก็จะต้องกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง โดยปัจจัยบวกที่สำคัญต่อตลาดหุ้นเอเชียอีกประการ คือ การที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของญี่ปุ่นระบุว่าจะมีการปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศขึ้นอีกในเดือนส.ค.2557 นี้ น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งไทยด้วยเช่นกัน เพราะนักลงทุนญี่ปุ่นเองก็ค่อนข้างชอบไทยอยู่แล้ว” นายสมิทธ์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้แนะนำกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล เวลธ์ (SCBGLOW) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลบอล เวลธ์ พลัส (SCBGLOWP) ให้กับนักลงทุนเพื่อใช้เป็นแกนหลักของพอร์ตการลงทุน โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายในต่างประเทศผ่านกองทุนชั้นนำในการบริหารสินทรัพย์ประเภทนั้นๆ ในโลก ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ เป็นต้น โดยคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวเฉลี่ย 7-8% ต่อปี ถือเป็นกลุ่มกองทุนที่ผสมสินทรัพย์อย่างเหมาะสมเพื่อให้ผลตอบแทนค่อนข้างนิ่งและเติบโตในระยะยาว เพราะสินทรัพย์แต่ละประเภทมีขึ้นและลงในเวลาที่แตกต่างกัน สำคัญสุดคือการกระจายความเสี่ยงโดยกองทุนทั้ง 2 มีการกระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ อย่างเหมาะสมให้กับนักลงทุนอยู่แล้ว กองทุน SCBGLOW นับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนแล้วประมาณ 7% “ส่วนตลาดหุ้นไทยเองนั้นมองว่าในระยะสั้นก็มีโอกาสที่ตลาดจะปรับฐานลงมาหลังจากปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็คงปรับลงมาไม่มากประมาณ 5-10% และอาจเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุน ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นไทยไปก่อนหน้าก็คงรอพิจารณาเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยขึ้นเช่นกันเพราะแนวโน้มเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นชัดเจนในปีหน้า” Tags : สมิทธ์ พนมยงค์ • บลจ.ไทยพาณิชย์ • นักลงทุนต่างชาติ • เศรษฐกิจ