แบงก์กรุงเทพลดเป้าสินเชื่อเหลือ 4-5% หลังศก.ชะลอตัวเหลือ 2-3% ขณะที่ NPL ไตรมาส 2 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีความต้องการสินเชื่อยังมีความไม่แน่นอนว่าจะเพิ่มขึ้นได้มากเพียงใด เนื่องจากยังมีผลกระทบของโครงการประชานิยมในช่วงก่อนหน้านี้ และหนี้ครัวเรือนที่ยังกดดันความต้องการในประเทศอยู่ ดังนั้นธนาคารจะรักษาระดับการขยายตัวของสินเชื่อ ให้ใกล้เคียงกับการขยายตัวของจีดีพีที่คาดว่าจะเติบโตลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2-3% จากเดิมอยู่ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 3% ดังนั้นคาดการณ์ขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 4-5% จากเดิมที่มองไว้ที่ 5-6% เมื่อความต้องการในประเทศอ่อนตัวลงตัวช่วยทางเศรษฐกิจก็อ่อนแรงตามไปด้วย ดังนั้นภาคธุรกิจจะต้องช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น ธนาคารจึงได้ออกแพ็คเกจให้ความช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากโจทย์ในระยะสั้นของลูกค้าเอสเอ็มอี คือปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ส่วนปัญหาระยะยาว คือความสามารถในการแข่งขัน โดยลูกค้าที่มีการปรับตัวแล้ว ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากนัก ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับไตรมาสแรกของปี แต่ยังอยู่ในระดับที่ดูแลได้ ด้านนายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2556 ถึงเดือนพฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะลูกค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีการชุมนุม รวมถึงลูกค้าในภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ค้าปลีก และบริการ เป็นต้น โดยส่งผลกระทบให้ลูกค้ากลุ่มนี้มีรายได้ลดลงจากในช่วงสถานการณ์ปกติ จนบางรายอาจประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง สำหรับมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าธนาคาร ประกอบด้วย 1.การอำนวยสินเชื่อใหม่หรือพิจารณาวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้น เพื่อใช้สำหรับหมุนเวียนในกิจการหรือให้เป็น Term Loan ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ที่จะพิจารณาระดับความรุนแรงของผลกระทบและความเหมาะสมเป็นรายกรณี 2.การปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ ทั้งปรับลดจำนวนการผ่อนชำระเงินต้นและขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน หรือกำหนดระยะเวลาการปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน 3.การผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ย โดยจะพิจารณาผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยพิเศษเป็นรายกรณีตามระดับความรุนแรงของผลกระทบที่เกิดขึ้น และ 4.การให้คำปรึกษาทางการเงิน แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยผู้บริหาร ผู้จัดการและทีมงานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์ผู้เชี่ยวชาญ ในการให้บริการและคำแนะนำด้านสินเชื่อ โดยลูกค้าสามารถขอคำปรึกษา และแสดงความจำนงในการขอรับมาตรการความช่วยเหลือได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 ธ.ค.นี้ "ยอมรับว่าเอ็นพีแอลไตรมาส 2 เพิ่มเล็กน้อยจากไตรมาสแรก โดยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบมีหลักพันราย โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งหากมีการยกเลิกก็จะกลับมาปกติ ที่ผ่านมาธนาคารพยายามดูแลลูกค้าทุกกลุ่มเป็นรายกรณีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ทั้งการสอบถามการให้คำปรึกษา รวมไปถึงการขออนุมัติให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้า และป้องกันมิให้ข้อมูลลูกค้าถูกรายงานสถานะหนี้ไปยังบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ซึ่งจะมีผลกระทบกับสถานะหนี้ของลูกค้าแต่ละรายในทันที" Tags : โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ • บัวหลวง • ธนาคารกรุงเทพ