หุ้นกลุ่มไอทีโยงโครงการแจกแทบเล็ตปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น เมิน คสช.ยกเลิกโครงและเข้าตรวจสอบ ราคาหุ้นในกลุ่มไอทีที่เคยเข้าประมูลโครงการแท็บเล็ต อาทิ บริษัท เอสวีโอเอ(SVOA), บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล(JAS) และบริษัท บลิส-เทล(BLISS) ได้รับผลกระทบจากกรณีคสช.ยกเลิกโครงการแท็บเล็ตซึ่งจะผลต่อผลประกอบการของบริษัท โดยราคาหุ้นบริษัท เอสวีโอเอ (SVOA) ปิดการซื้อขายที่ 1.54 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 10.59 ล้านบาท ส่วนราคาหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ปิดการซื้อขายที่ 8.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.23% มูลค่าการซื้อขาย 943.26 ล้านบาท ส่วนบริษัท บลิส-เทล (BLISS) ไม่มีการซื้อขาย เนื่องจากอยู่ในกลุ่มเข้าข่ายเพิกถอน นักวิเคราะห์ กล่าวว่า กรณีคสช.ยกเลิกโครงการแท็บเล็ต ส่งผลต่อผลประกอบการบริษัทที่ได้เข้าประมูลโครงการดังกล่าวในปี 2556 ที่ผ่านมา และส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ประเมินผลกระทบต่อบริษัท เอสวีโอเอ (SVOA) เป็นผลกระทบระยะสั้น เนื่องจากบริษัท เอสวีโอเอ มีมูลค่าหุ้นซ่อนอยู่ จากการที่บริษัทมีการลงทุนในบริษัทลูกที่หลากหลาย ทำให้มีการรับรู้รายได้จากบริษัทลูกอย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน บริษัทลูกของบริษัท เอสวีโอเอ ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อาทิ บริษัท เอสพีวีไอ (SPVI) ที่มีความคาดหวังว่ารายได้ในครึ่งปีหลังจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น จากการเปิดตัวไอโฟน 6 ในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้าเป็นอย่างช้า ทั้งนี้ บริษัท เอสวีโอเอ (SVOA) มีบริษัทลูก ประกอบด้วย บริษัท ไอที ซิตี้ (IT) ถือหุ้นในสัดส่วน 31.96%, บริษัท ลีซ อิท (LIT) ถือหุ้น 47% นักวิเคราะห์ กล่าวอีกว่า บริษัท จัสมิน อินเตอร์เรชั่นแนล (JAS) ราคาหุ้นไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากบริษัทมีข่าวดีเรื่องที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ส่งผลให้มีนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรหุ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทมีเรื่องการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) ที่ต้องติดตามอยู่ว่าจะสามารถเสนอขายได้ภายในปีนี้หรือไม่ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน จำนวน 713,739,437 หุ้น คิดเป็น 10% ของจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว วงเงินซื้อหุ้นคืน 1,000 ล้านบาท ระยะเวลาซื้อหุ้นคืนภายใน 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. 57 ก่อนหน้านี้ นายจักรกฤษณ์ ธนวิรุฬห์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.บลิส-เทล (BLISS) กล่าวว่า ในปี 2557 บริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากงานในมือที่รอรับรู้รายได้ในปีหน้า 700 ล้านบาท รวมถึงการเดินหน้าเข้าประมูลงานต่างๆ ดังนั้น ภายใน 1-2 ปีจากนี้รายได้น่าจะเติบโตได้ 1 เท่าตัว โดยคาดว่าจะล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด 250 ล้านบาท หมดภายใน 2 ปี และล้างขาดทุนสะสมในปีนี้ได้ 100 ล้านบาท และตั้งเป้านำหุ้นกลับเข้ามาซื้อขายหลักทรัพย์ได้ทันในปี 2557 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) บริษัทคาดว่าจะเข้าประมูลแท็บเล็ตของภาครัฐมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่จะรับรู้รายได้จากงานในมือเข้ามา 1,000 ล้านบาท ซึ่ง 700 ล้านบาท มาจากการส่งมอบแท็บเล็ตในเดือน ธ.ค.2556 และคาดว่าจะส่งมอบได้หมดในปี 2556 และอีก 300 ล้านบาท รับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2557 ประมาณ 180 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นงานที่มาจากการวางระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ พร้อมตั้งเป้าหมายมีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30% ต่อปี และภายในปี 5 ปีตั้งแต่ปี 2556-2560 ตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท โดยคาดหวังจะติดอันดับ 1 ใน 100 ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ทำรายได้สูงสุด Tags : หุ้น • กลุ่มไอที • แทบเล็ต