Watch_Dogs เป็นเกมใหม่จากค่าย Ubisoft ผู้พัฒนาเกมตระกูลดังอย่าง Assassins Creed และ Far Cry โดยในครั้งนี้ Ubisoft ได้พัฒนาเกม Watch_Dogs ให้เป็นตัวเกมเรือธงเพื่อโชว์ประสิทธิภาพของเครื่องเล่นเกมยุคใหม่อย่าง PS4 และ Xbox One อีกทั้งต้องการนำการเล่นเกมในแบบที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ด้วยการให้ผู้เล่นสามารถเข้าควบคุมเกือบทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองได้ด้วยการ "แฮก" หลังจากที่ได้เปิดตัวครั้งแรกในงาน E3 ปีที่แล้ว กระแสตอบรับของเกมนี้ดีเหนือความคาดหมาย เกมเมอร์หลายคนรวมถึงตัวผมได้ตั้งความหวังกับเกมนี้ไว้สูงมาก และพอได้ลองเล่นเกมนี้จนจบ ก็ขอบอกได้เลยครับว่าเกมนี้คุ้มค่าแก่การรอคอยจริง ๆ แต่มันยังห่างไกลจากสิ่งที่ Ubisoft เคยสัญญาเอาไว้ เนื้อหา ใน Watch_Dogs ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นแฮกเกอร์ชื่อ Aiden Pearce ซึ่งในตอนแรกเขาก็เป็นเพียงแฮกเกอร์ธรรมดา แต่หลังจากที่วันหนึ่ง Pearce ได้ไปแฮก “ผู้ทรงอิทธิพล” คนหนึ่งเข้า ทำให้มีเขาต้องสูญเสียหลานสาวของเขาไป หลัก ๆ ในเกมนี้สิ่งที่ Pearce ต้องการ คือการแก้แค้นให้กับหลานสาว และหาตัวคนที่สั่งฆ่าหลานสาวของเขาครับ การเดินเนื้อเรื่องของ Watch_Dogs ไม่ซับซ้อนเท่าเนื้อเรื่องเกมระดับ A+ อื่น ๆ เมื่อเล่นเกมนี้จบแล้วตัวผมรู้สึกว่าเกมนี้มันจบง่ายเกินไป และตัวละครก็ค่อนข้างที่จะ “ตื้น” เนื้อเรื่องเน้นความซับซ้อนของปัญหา (กว่าจะทำ A ได้ต้องทำ B ก่อน) มากกว่าความลึกของเนื้อเรื่อง ปัญหา และตัวละคร ตัวเนื้อเรื่อง เหมือนจะไม่มีจุดหักมุมที่แรงพอที่ทำให้ผมรู้สึก “โอ้โห” แต่เนื้อเรื่องมีหลายอย่างที่น่าสนใจและน่าติดตามครับ โดยเฉพาะจุด ๆ หนึ่งของเนื้อเรื่อง ที่ทีมของเรากลับโดนแฮกเสียเอง และแฮกเกอร์ที่เข้ามาแฮกเราคนนั้นสามารถทำทุกอย่างที่เราทำได้ จนหน้าจอเกมของเราเละไปหมด HUD ในเกมไม่สามารถเชื่อถือได้อีกเลย เนื้อหาของเกม มีการสะท้อนถึงโลกจริงของเรา นั่นก็คือเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย เรากำลังสูญเสียความเป็นส่วนตัวไป และเรากลับตกเป็นเครื่องมือของคนที่มีอำนาจเหนือกว่าโดยที่เราไม่อาจรู้ได้ ในเกมนี้ยังมีการพาดพิงถึงองค์กรอย่าง NSA, กลุ่มแฮกเกอร์ Anonymous หรือแม้กระทั่งโปรดิวเซอร์เพลงอิเล็กทรอนิกส์อย่าง deadmau5 (แต่ทุกอย่าง/ทุกคนมีชื่อใหม่ในเกม) เกมนี้เหมือนจะต้องการสนอง Geek ล้วน ๆ แทบจะไม่มีฉากรักแบบตรงไปตรงมาเลย แต่จะมีแนวแบบเขิน ๆ อาย ๆ มากกว่า เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องของครอบครัวของ Pearce มากกว่า เกมเพลย์ ในเกมนี้ อาวุธหลักของผู้เล่นคือ "มือถือ" ซึ่งเชื่อมต่อเข้ากับระบบ ctOS ระบบปฏิบัติการของเมืองที่ใช้ควบคุมเกือบทุกอย่างในเมืองนี้ได้ เมื่อผู้เล่นเข้าใกล้สิ่งที่แฮกได้ ผู้เล่นจะต้องกดปุ่มสี่เหลี่ยม (สำหรับ PS4) เพื่อแฮกสิ่งนั้น สิ่งที่แฮกได้มีตั้งแต่กล้องวงจรปิด ไปจนถึงท่อระบายน้ำในเมือง (ให้ระเบิด), ไฟจราจร (ให้เป็นไฟเขียวทุกด้าน), ตู้ ATM, หรือแม้กระทั่งมือถือของผู้คนในเมือง ตลอดทั้งเกมนี้ ตัวละครหลักของเราจะอยู่แต่ในเขตเมืองชิคาโก้ครับ และออกไปไหนไม่ได้เลย (เป็น Sandbox) แต่ตัวเมืองชิคาโก้มีขนาดใหญ่พอสมควร เวลาเดินทางไปไหนมาไหน ถ้าผู้เล่นเลือกที่จะเดินทางด้วยเท้า จะใช้เวลานานมาก แต่ผู้เล่นจะมีทางเลือกในการเดินทางภายในเมืองอื่น ๆ ด้วย นั่นก็คือการใช้รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ หรือเรือ (ถ้าอยากจะลงน้ำหรือคลอง) โดยสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ผู้เล่นสามารถที่จะเลือกขโมยมาหรือสั่งผ่าน Mobile App ในเกมได้ ในเกมนี้การขับขี่ด้วยรถเป็นส่วนสำคัญของเกมครับ เริ่มเกมแรก ๆ ผู้เล่นก็จะโดนบังคับให้ขับรถหลบหนีตำรวจซะแล้ว โดยรถแต่ละคันในเกมจะมีความหน่วงในการควบคุมไม่เหมือนกัน รถที่ช้าจะเลี้ยวง่าย รถเร็วจะเลี้ยวยาก ส่วนรถใหญ่ ๆ อย่างรถขยะหรือรถดับเพลิงที่เราขโมยมาก็เหมาะสมกับการมีไว้เขี่ยรถตำรวจ หรือศัตรูออกจากถนนได้อย่างดี ปัญหาหลัก ๆ ของเกมนี้คือเวลามีคนโทรแจ้งตำรวจ ตำรวจจะเริ่มใช้ระบบสแกนหาตัวละครเรา ผมบอกได้อย่างเดียวเลยครับว่า ถ้าไม่ได้ขับรถอยู่ ถ้าตำรวจเริ่มสแกนหาตัวเราแล้วคือ “งานเข้าแล้ว” เพราะว่าการหนีการสแกนของตำรวจแทบจะเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจะมีไอเท็มไว้หยุดการสแกนของตำรวจชั่วคราว เมื่อตำรวจเจอตัวเราแล้ว เรามีสองทางเลือก คือการหนีให้เร็วที่สุด หรือไม่ก็ฆ่าตำรวจให้หมด (ซึ่งเมื่อฆ่าหมดแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือตำรวจจะเริ่มสแกนหาเราใหม่อีกรอบ) แล้วตำรวจในเกมนี้โหดมากครับ โดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ที่เราเล่นเกมนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะหนีตำรวจได้แบบสบาย ๆ เพราะว่าตำรวจขับรถเร็วกว่ารถส่วนใหญ่ (เว้นแต่เราจะมีรถสปอร์ตหรือมอเตอร์ไซค์ที่เร็วกว่า) และรถของเราจะไม่เคยคลาดสายตาของตำรวจเลย คือเมื่อตำรวจห่างเราไกลแล้ว อยู่ดี ๆ ก็จะส่งรถอีกคันมาไล่ล่าเรา ไม่ก็มีเฮลิคอปเตอร์มาตามตัวเรา ทางหนีตำรวจช่วงแรก ๆ ของเกม จึงมีแค่การรีบวิ่งหนีลงเรือ แล้วขับเรือหนี โดยไม่ให้โดนยิงก่อน (โดน 2-3 ทีตายเลย) หรือไม่ก็เข้าไปในรางรถไฟแล้วขึ้นรถไฟหนี แต่ในช่วงหลัง ๆ ของเกม การหนีตำรวจจะทำง่ายขึ้นเพราะเราจะเริ่มมี Skills ที่ปลดล็อคแล้ว เช่น การแฮกสะพานให้ยกขึ้น หรือการแฮกพื้นถนนให้แตกออกมา ทำให้รถตำรวจที่ตามเรามา “พัง” ผมเคยใช้เวลาหนีตำรวจอย่างเดียว สลัดตำรวจไม่ได้เสียที เป็นเวลาติดต่อกันเกือบ 30 นาทีครับ ใครได้ติดตามตอนผม Broadcast เกมออนไลน์ให้ดูคงจะทราบดี -_-“ นอกจากเรื่องการขับรถแล้ว การแฮกสิ่งของต่าง ๆ ในเมือง ก็เป็นสิ่งที่เราต้องคอยทำตลอดในการเล่นครับ ระหว่างเดินไปเดินมาในเมือง ผู้เล่นสามารถแฮกมือถือของคนอื่น ๆ ที่เดินไปเดินมาในเมืองได้ โดยบางครั้งเราจะได้เงินจากบัญชีธนาคาร หรือบางครั้งก็ได้ไอเท็ม ไม่ก็ดักฟังการสนทนาของประชาชนได้ บางครั้ง การแฮกตัวละครทั่วไปในเมือง จะนำเราไปสู่อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเมืองได้ ซึ่งในส่วนนี้ผู้เล่นสามารถที่จะเลือกไป “ปราบ” อาชญากรรมเพื่อเพิ่มชื่อเสียงของตัวเองได้ หรือเลือกที่จะไม่ทำอะไรกับชื่อเสียงของตัวเองก็ได้ ในฉากต่อสู้ ผู้เล่นสามารถที่จะหลบตามมุมต่าง ๆ แต่สังเกตการณ์ และค้นหาศัตรูในพื้นที่ได้ด้วยการเข้าควบคุมกล้องวงจรปิด หากศัตรูมีมากเกินไป เราก็อาจจะใช้วิธีแฮกมือถือของศัตรู เพื่อให้ศัตรูไขว้เขวชั่วขณะได้ บางครั้ง เราสามารถทำให้แผงวงจรที่อยู่ใกล้ ๆ ศัตรูระเบิด เพื่อให้เป็นจุดสนใจ หรือไม่ก็ใช้ฆ่าศัตรูได้หากศัตรูอยู่ใกล้แผงวงจรนั้นพอ ระบบชื่อเสียง (Reputation) ในเกมนี้จะใกล้เคียงกับเกม Infamous: Second Son ตรงที่มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องในเกมเลยครับ แต่มันจะช่วยเราในการเล่นเกมทั่วไปมากกว่า ถ้าหากเราไม่เคยฆ่าประชาชนผู้บริสุทธ์ หรือฆ่าตำรวจ แต่เราคอยปราบอาชญากรรมในเมือง ชื่อเสียงเราจะดี ซึ่งในส่วนนี้ทำให้ประชาชนในเมืองอยากช่วยเหลือเรามากขึ้น พูดถึงเราดีขึ้น และไม่ค่อยโทรแจ้งตำรวจเมื่อเราขโมยรถยนต์ สิ่งที่ผู้เล่นจะต้องทำบ่อยมากระหว่างเล่นเกมนี้ คือการแฮกเข้าไปดูภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งมันมีประโยชน์มากในการเล่น โดยเฉพาะการเล่น Multiplayer ครับ (แอบสอดส่องหาเหยื่อโดยที่เราไม่ต้องเสี่ยงเข้าใกล้) บางครั้งเมื่อเราแฮกเข้าไปในระบบปฏิบัติการของเมือง หรือตามบ้านคน เราจะเจอกับมินิเกมที่เป็นแนวปริศนาเล็ก ๆ ง่าย ๆ ซึ่งมันคือการต่อวงจรดี ๆ นี่เองครับ (ใกล้เคียงกับวงจรน้ำในเกม Bioshock ภาคแรก) ส่วนมินิเกมอื่น ๆ ก็มีมากมายในเกม แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีผลกับเนื้อหาของเกม แต่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเล่นเพื่อเก็บถ้วย Trophies ครับ เช่น มินิเกมรถถังแมงมุม หรือมินิเกมกระโดดดอกไม้สีรุ้งนี้: หลัก ๆ แล้ว การเล่นเกมนี้ตอนแรก ๆ เราอาจจะรู้สึกว่ามันซับซ้อน และหลาย ๆ ครั้งมันช่างยากเหลือเกิน แต่เมื่อเล่นไปได้ซักพักก็จะเริ่มคุ้นเคยและเริ่มสนุกกับมันครับ Multiplayer จุดขายหนึ่งของ Watch_Dogs ที่ผมว่าทำได้ดีมากคือการเล่นหลายผู้เล่น หรือ Multiplayer ซึ่งในเกมนี้ บางครั้งอยู่ดี ๆ เราก็เข้ามามีส่วนในการเล่นกับผู้เล่นอื่นได้ แม้ว่าเราจะยังไม่รู้ตัวก็ตาม เช่น หากเรากำลังเดินไปเดินมาอยู่ในเกม ทำ Mission ไปเรื่อย ๆ อยู่ดี ๆ ผู้เล่นคนอื่นก็สามารถบุกเข้ามาในเกมของเรา แล้วมาแฮกเราได้ทันที Multiplayer บน Watch_Dogs มีทั้งหมด 6 โหมดด้วยกัน เช่น ไล่แฮกคนอื่น (Online Hacking), สอดแนมผู้เล่นอื่น (Online Tailing), แข่งรถ (Online Racing), หลบหนีสิ่งกีดขวางและตำรวจ (Mobile Challenge) ซึ่งผู้เล่นอีกฝ่ายที่เล่นอยู่บนอุปกรณ์ Android หรือ iOS จะเป็นศัตรูกับเรา, ตะลุยเมืองกับเพื่อน (Online Free Roam) และโหมดขโมยและถอดข้อมูล (Online Decryption) แต่ผมจะขอเน้นโหมด Online Hacking ซึ่งเป็นโหมดที่ผมคิดว่าน่าตื่นเต้นที่สุดครับ Online Hacking บน Watch_Dogs ถ้าผู้เล่นเป็นผู้ที่กำลังโดนแฮกอยู่ ผู้เล่นต้องตามหาและฆ่าแฮกเกอร์ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ ให้ได้ โดยมีเวลาที่จำกัด และถ้าหากแพ้ก็จะโดนหักคะแนน ซึ่งอาจจะทำให้แต้ม Multiplayer Skills ที่มีอยู่หายไปได้ ในทางกลับกัน ถ้าผู้เล่นเล่นเป็นผู้แฮก ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ผู้ถูกแฮกตามตัวเราได้ ด้วยการแอบหลังสิ่งกีดขวาง ถ้าหากผู้ถูกแฮกเจอตัวผู้แฮกแล้ว ผู้แฮกจะต้องรีบหนีก่อนที่จะโดนฆ่า ไม่เช่นนั้นก็จะเสียแต้ม Multiplayer Skills เช่นกัน ในส่วนนี้ผมว่าการเล่นเป็นผู้แฮกช่วงแรก ๆ จะยากพอสมควร แต่มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นสุด ๆ (เหมือนเล่นซ่อนหา ถ้าโดนเจอตัวแล้วไม่มีรถยนต์ใกล้ ๆ คือตายอย่างเดียว) ผมว่าในส่วนนี้ Multiplayer เกม Watch_Dogs เล่นสนุก และน่าตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาเลยครับ แต่ถ้าถามว่าเมื่อเล่นเกมนี้จบแล้ว Multiplayer จะสนุกต่อไปหรือไม่ คงต้องตอบว่าไม่ครับ มันไม่ “ดี” พอที่จะทำให้คนกลับมาเล่นส่วน Multiplayer ต่อได้เหมือนกับเกมแนว FPS อย่าง Battlefield หรือ Call of Duty ที่มีระบบ Reward ผู้เล่นต่อไปได้เรื่อย ๆ Side Missions เช่นเดียวกับเกมโลกเปิดทั่วไป ผู้เล่นจะสามารถเลือกที่จะเล่นตามเนื้อเรื่องหลักได้เรื่อย ๆ หรือไม่ก็เลือกที่จะเล่นเนื้อเรื่องรอง ที่ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปที่การบอกเล่าความเป็นมาของโลกในเกม เช่น ข้อบกพร่องของระบบ ctOS ระบบปฏิบัติการควบคุมทุกอย่างในเมืองชิคาโก, หรือเนื้อเรื่องของกลุ่มแฮกเกอร์ที่เรียกตัวเองว่า deadSec (ซึ่งเป็นการล้อเลียน Anonymous) รวมไปถึงเนื้อหาปริศนาทั่วไป เช่น ปริศนาค้าอาวุธ, ค้ามนุษย์, QR Code, หรือปริศนาฆาตกรรมอำพรางตามซอกมุมเปลี่ยว ๆ หรือจุดที่เข้าถึงยากในตัวเกม นอกจากเนื้อเรื่องรองแล้ว ตัวเกมยังมีการจ้างวานให้เราทำหน้าที่เป็น Hitman ในการโจมตีคาราวานตำรวจหรือกลุ่มค้ายาเสพติด หรือแม้กระทั่งจ้างวานให้เราขนย้ายรถยนต์เถื่อน, หลอกล่อตำรวจ หรือแม้กระทั่งการเข้าไปถล่มแก๊งค์โจรต่าง ๆ ในเมือง ซึ่งเนื้อเรื่องลักษณะจ้างวานนี้ มักจะมีรางวัลให้ผู้เล่นเป็นเงิน ไม่ก็ค่า XP หรือ Skill Points อย่างไรก็ตาม พวก Side Missions ทั้งหลายก็ไม่ได้สร้างมาให้ผู้เล่นสามารถเล่นได้ทันที บาง Mission ถึงขั้นยากสุด ๆ และเหมาะสมกับผู้เล่นที่ได้เก่งแล้ว และมี Skills หรืออาวุธที่เหมาะสมแล้ว ทั้งนี้ตัวเกมไม่ได้บอกเราเลยว่าภารกิจไหนมันยากหรือง่าย ต่างกับเกม Assassins Creed ที่มักจะมี “ดาว” บอกว่าภารกิจนี้มันยากง่ายขนาดไหน ส่วนตัวแล้วถ้าเราลองแล้วตายเกิน 4-5 ครั้ง ก็แปลว่าเรายัง “ไม่ไหว” ครับ อีกปัญหาของ Side Missions เกมนี้คือเมื่อเล่นไปซักพัก จะรู้สึกว่าแต่ละภารกิจมันเริ่มไม่ต่างกันมาก เริ่มซ้ำเดิมเรื่อย ๆ แค่เปลี่ยนสถานที่และระดับยากง่ายเท่านั้น เล่นไปซักพักจะเบื่อครับ (ปัญหานี้พบเจอได้ในเกมอื่น ๆ ของ Ubisoft ตั้งแต่ Assassins Creed ยัน Far Cry) กราฟิก เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก ที่เกมนี้ตอน Ubisoft ออกมาเปิดตัวและโปรโมทในครั้งแรก ภาพที่ได้เอามาโชว์สวยงามกว่าที่เราได้เห็นในตัวเกมจริงมาก และเหมือนว่าจะเป็นกับเกมทุก ๆ เวอร์ชันตั้งแต่ PS4 ไปจนถึงพีซีเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องแสง เงา และสภาพของเมืองตอนกลางคืน เกมนี้ หากให้เปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เป็นเกมโลกเปิดเช่นเดียวกัน อย่าง Infamous: Second Son แล้ว จะรู้สึกเลยว่าเกมนี้กราฟิกด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบแบบยุติธรรมหน่อย เกมสองเกมนี้มีขนาดของโลกและความซับซ้อนเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกราฟิกต่างกันมากครับ ข้างล่างนี้คือคลิปตัวอย่างกราฟิกที่ Ubisoft เอามาโชว์ปีที่แล้ว สังเกตเรื่องแสงกับเงาสะท้อนบนตัวรถและบนพื้นนะครับ นี่คือสิ่งที่เวอร์ชันจริงมันหายไปเลย สรุป Watch_Dogs เป็นเกมที่คู่ควรกับการรอคอย เนื่องจากมันเป็นเกมที่นำการเล่นเกมที่แปลกใหม่ มาผสมกับการเล่นเกมโลกเปิดที่เราคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำการเล่นหลายผู้เล่นหรือ Multiplayer เข้ามารวมกับการเดินเนื้อเรื่องปรกติ ทำให้ผู้เล่นไม่รู้สึกเบื่อ และรู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังทำให้โลกในเกมเหมือนจริงมากขึ้น ต่อไปนี้การปล่อยเกมทิ้งไว้เฉย ๆ เพื่อไปเข้าห้องน้ำ กลายเป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เกมนี้ยังมีจุดบกพร่องมากมายที่ยังต้องการการขัดเกลา เช่น กราฟิก ซึ่งยังเป็นรองเกมอื่น ๆ และยังไม่ตรงกับที่ทางค่าย Ubisoft ได้สัญญาเอาไว้จากวิดีโอที่ใช้เปิดตัวเกม ในส่วนของการเล่นเกมในแผนที่บางจุด หากผู้เล่นเดินเข้าไป หรือทำอะไรแปลก ๆ อาจจะเกิดอาการ "ติด" หรือ "หลุด" ออกจากแผนที่เกมได้ แต่นี่ก็เป็นเรื่องปรกติที่ผู้เล่นเกมโลกเปิดมักจะเจอเป็นปรกติอยู่แล้ว (glitch) แต่สำคัญที่สุด ส่วนที่ผมคิดว่าเป็นจุดอ่อนของเกมนี้คือการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครแต่ละตัว และตัวเนื้อเรื่อง ที่ยังตื้น สั้น และไม่น่าตื่นเต้นอะไร เมื่อเทียบกับซีรีส์จากค่ายเดียวกันอย่าง Assassins Creed เนื้อเรื่องของเกมนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ "ด้อย" กว่ามาก ข้อดี การเล่นเกมแปลกใหม่เขย่าวงการ ไม่ซ้ำใคร Multiplayer แปลก สนุกและน่าตื่นเต้นตลอด ตัวเมืองใหญ่มาก มินิเกม และภารกิจรองที่หลากหลาย รายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก โดยเฉพาะข้อมูลของ NPC ข้อเสีย เนื้อเรื่องหลักสั้น และยังไม่น่าติดตาม ตัวละครหลักไม่มีอะไรให้เรารู้สึก "รัก" หรือ "ชอบ" ไม่น่าจดจำ กราฟิกที่ยังไม่ถึงที่สุด glitch ในเกมเยอะ ระบบชื่อเสียงไม่มีผลต่อเนื้อเรื่อง ทำให้ไม่มีแรงจูงใจให้ผู้เล่นเลือกทำดี/ชั่ว หรือเล่นซ้ำ Games, PS4, Review, Ubisoft