กบข.-สปส.เตรียมซื้อหุ้นไทยเพิ่ม จากเดิมลงทุนสัดส่วน10% มองภาพรวมเป็นบวกมากขึ้นหลังการเมืองคลี่คลาย นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ มีโอกาสที่กบข.จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย จากปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนอยู่ประมาณ 10.5% หรือมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เพราะตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดที่มีความเสี่ยงมากที่สุดไปแล้ว หลังสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย มีการจัดสรรงบประมาณ และงบลงทุนภาครัฐ ทำให้ความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนดีขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นค่อนข้างเร็ว ครึ่งปีแรกปรับขึ้นไปแล้ว 12-13% การลงทุนของกบข.ก็จะต้องดูในเรื่องราคาด้วย โดยตามหลักการลงทุนในหุ้นนั้น กบข.จะดูภาพรวมรายกลุ่มอุตสาหกรรมก่อน แล้วค่อยมาเจาะเป็นรายตัว หลังจากนั้นก็จะมาดูที่มูลค่าว่าถูกหรือแพงอย่างไร “กบข.มีมุมมองต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยดีขึ้น แต่ราคาหุ้นไทยปัจจุบันก็ไม่ได้ถูก การลงทุนจึงต้องดูเป็นรายตัว โดยจะดูว่ากลุ่มอุตสาหกรรมใดที่ได้รับปัจจัยบวก จากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว เช่นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง กลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นต้น” อย่างไรก็ตามในส่วนของอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (อีพีเอส) ในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตในระดับ 5% แต่ปีหน้าจะกลับมาเติบโตในระดับปกติ หรือมากกว่า 10% ตามการเติบโตของเศรษฐกิจที่ปีนี้อาจจะเห็นการเติบโตในระดับ 2-2.5% ส่วนปีหน้าเติบโตได้ในระดับ 4-5% นายวิน พรหมแพทย์ หัวหน้ากลุ่มลงทุน สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยว่า สปส.มีมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นบวกมากขึ้น และเตรียมหาโอกาสเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง หากดัชนีปรับตัวลดลง เน้นการลงทุนใน 4 กลุ่มหลักที่กองทุนประกันสังคมลงทุนอยู่ และให้น้ำหนักลงทุนมากกว่าตลาด ประกอบด้วย กลุ่มการแพทย์ กลุ่มอาหาร กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มพาณิชย์ ทั้งนี้ปัจจุบันกองทุนประกันสังคมมีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ 10% หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท สามารถเพิ่มการลงทุนได้ถึง 12 % หรือลงทุนได้อีก 2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามการลงทุนของกองทุนประกันสังคมจะต้องดูราคาหุ้นรายตัวใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมข้างต้น หากราคาย่อลงมา หรือดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,100 หรือ 1,200 ก็พร้อมที่จะเข้าไปลงทุนเพิ่ม อย่างไรก็ตามแนวโน้มภาวะตลาดช่วงครึ่งปีหลัง โอกาสที่จะปรับลงมีน้อย เขากล่าวต่อว่า กองทุนประกันสังคมพยายามที่จะเปิดประตูการลงทุนในทุกทาง เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ดีขึ้น ซึ่งหากลงทุนเฉพาะในสินทรัพย์มั่นคง หรือลงทุนเฉพาะตลาดหุ้นไทย โอกาสในการสร้างผลตอบแทนก็จำกัด คณะกรรมการ (บอร์ด) จึงได้อนุมัติให้กองทุนประกันสังคมลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น โภคภัณฑ์ โครงสร้างพื้นฐาน และอสังหาริมทรัพย์ได้ 1 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุนรวม และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนต่างประเทศเป็น 1 ใน 3 หรือประมาณ 33% ของพอร์ตการลงทุนรวม ภายใน 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2561 จากปัจจุบันที่มีการลงทุนต่างประเทศเพียง 3-4 % “หากไม่มีการปรับพอร์ตการลงทุน ผลตอบแทนจะได้ในระดับ 4.5% เท่านั้น แต่ผลตอบแทนเป้าหมายคือ 5.5% ถึงแม้ว่าการปรับพอร์ตจะทำให้ความเสี่ยงระยะสั้นเพิ่มขึ้น แต่ความเสี่ยงที่กองทุนจะไม่มีเงินเพียงต่อการจ่ายบำนาญให้สมาชิกในระยะยาวลดลง หรือช่วยยืดอายุของกองทุนประกันสังคมให้ยาวขึ้น” นายปริญญ์ พาณิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอล เอส เอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีปลายปีนี้เป็น 1,480 จุด หลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย ซึ่งเป็นระดับเดิมที่ประเมินไว้ช่วงต้นปี ก่อนจะปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,290 จุด ในช่วงที่ปัญหาการเมืองยืดเยื้อ และมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยกลับไปอยู่ที่ระดับ 2% จากปัจจุบันคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.8% สำหรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาตินั้น มีโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนจะไหลกลับเข้ามาลงทุนในไทยในช่วงครึ่งปีหลัง จากสถานการณ์ในประเทศที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันสถานการณ์ในต่างประเทศก็ไม่ได้ดีขึ้นมาก ทางยุโรป และญี่ปุ่นยังมีแนวโน้มอัดฉีดเงินเข้าระบบ ส่วนอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐก็คงอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีก หนุนให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้ากลุ่ม “นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยไม่ได้เพราะติดเงื่อนไขทางการเมืองมีน้อยมาก กองทุนใหญ่ๆ ที่มองการลงทุนในระยะยาว 3-5 ปี ได้เข้ามาลงทุนแล้ว แต่หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยขึ้นเร็วมาก ก็ได้ขายออกทำกำไรไปบ้าง ส่วนเงินจากกองทุนเก็งกำไร (เฮดจ์ฟันด์)ยังไม่เข้ามา เพราะยังรอดูสถานการณ์อยู่” ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวานนี้ (16 มิ.ย.) ดัชนีปรับขึ้นแรง จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานและสื่อสาร ระหว่างวันปรับขึ้นสูงสุดที่ระดับ 1,474.51 จุด ปรับต่ำสุดที่ระดับ 1,460.21 จุด ปิดตลาดที่ระดับ 1,471.85 จุด ปรับขึ้น 15.83 จุด หรือ 1.09% มูลค่าซื้อขาย 3.86 หมื่นล้านบาท Tags : สมบัติ นราวุฒิชัย • กบข. • ประกันสังคม • ตลาดหุ้น