คสช.สั่งยกเลิกแท็บเล็ตทั้งหมด สรุปไม่คุ้มค่า ไม่เหมาะสม ทั้งในแง่การเรียนรู้ของเด็ก ควรยึดครูผู้สอนมากกว่าเครื่องมือไฮเทค สั่งปลัดโยกงบสองก้อนจัดซื้อรวม 6,970 ล้านใช้ในโครงการอื่น ทั้งสมาร์ทคลาสรูม หรืออีเลิร์นนิง อาจเข้าแทนที่ ในช่วงเช้าวันที่ 16 มิ.ย. คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐด้านการพัสดุและการจัดซื้อจัดจ้าง (คตร.) ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประกาศมีมติให้ตรวจสอบโครงการจัดซื้อที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านบาท จำนวน 8 โครงการ ซึ่งโครงการจัดซื้อแท็บเล็ต หรือโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพาต่อ 1 นักเรียน เป็นหนึ่งในโครงการที่จะต้องถูกตรวจสอบย้อนหลังด้วย โดยเหตุผลที่ยกเลิกคือ 1.นักเรียนทุกคนไม่จำเป็นที่ต้องได้รับแจกแท็บเล็ตเป็นของตน เพราะใช้แท็บเล็ตเรียน 1-2 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ซึ่งอาจใช้งานหมุนเวียนกับนักเรียนทุกๆ คนได้ 2.แท็บเล็ตไม่เหมาะและไม่ควรที่นำมาใช้ในการเรียนการสอนตลอดเวลา แต่ควรใช้เป็นเครื่องในการเรียนบางชั่วโมง และเด็กๆ ควรเรียนรู้จากครูผู้สอนเป็นหลัก 3.แท็บเล็ตมีขนาดหน้าจอเล็ก ทำให้นักเรียนมีปัญหาด้านสายตา อายุใช้งานสั้นแค่ 3 ปี การซ่อมบำรุงไม่คุ้มค่าเมื่อต้องซ่อมแซม 4.แท็บเล็ตเป็นครุภัณฑ์ของโรงเรียน ไม่เหมาะสมที่ไปมอบให้นักเรียนเป็นของส่วนตัวได้ และคณะกรรมการว่าด้วยพัสดุ กรมบัญชีกลาง แจ้งว่ามอบให้เด็กนักเรียนไม่ได้