สถาบันยานยนต์ คาดยอดขายรถยนต์ปีนี้ลดลง 5-10% หลัง 2 ไตรมาสแรกยอดขายร่วงกว่า 30% นายวิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า จากการประเมินล่าสุดของสถาบันยานยนต์คาดว่ายอดขายรถยนต์ทุกชนิดในปีนี้จะลดลงประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับปี 2556 เนื่องจากยอดขายภายในประเทศลดลงมาก และยอดส่งออกก็ไม่ได้ขยายตัวมากจนชดเชยยอดขายในประเทศที่ตกลงได้ทั้งหมด โดยคาดว่าในปีนี้ยอดขายในประเทศจะลดลงประมาณ 5-10% ส่วนยอดส่งออกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ทั้งนี้ คาดว่ายอดขายรถยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวประมาณ 10% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้ความวุ่นวายทางการเมืองเข้าสู่ความสงบ สามารถจ่ายเงินจำนำข้าวให้กับชาวนาได้ทั่วประเทศ และยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาอีกมาก ทำให้คาดว่าในครึ่งปีหลังจะมีกำลังซื้อรถยนต์จะกลับมาเพิ่มขึ้นมากกว่าในครึ่งปีแรกประมาณ 10% ขณะที่ยอดส่งออกก็โตตามตลาดโลกที่ยังคงขยายตัวได้ดี ส่วนยอดขายในไตรมาส 1และ2 มียอดลดลงประมาณ 40% และยอดผลิตลดลงประมาณ 30% เนื่องจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง และปัญหาการจ่ายเงินจำนำข้าวให้กับเกษตรกร ทำให้ฉุดกำลังซื้อภายในประเทศลดลงมาก "แม้ว่า คสช. จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน แต่ก็ไม่สามารถกระตุ้นยอดซื้อในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ในระดับหนึ่ง เพราะว่าในช่วงของนโยบายรถยนต์คันแรกในปีที่ผ่านมา ได้ดูดซับกำลังซื้อในอนาคตไปเป็นจำนวนมาก จึงไม่สามารถทำตลาดเพิ่มยอดขายภายในประเทศได้มากนัก โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์อีโคคาร์ ที่มียอดขายลดลงมาก เนื่องจากกำลังซื้อส่วนใหญ่ใช้ไปในช่วงโครงการรถคันแรกแล้ว อย่างไรก็ตามในเป้าหมายการผลิตรถยนต์ 3 ล้านคันในปี 2560 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเชื่อว่าตลาดจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย" นายวิชัย กล่าว สำหรับแผนในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศนั้น สถาบันยานยนต์ได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ในการผลักดันโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบและวิจัยพัฒนายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ รวมทั้งจัดทำสนามทดสอบการจำลองสถานการณ์การขับขี่เพื่อประเมินสมรรถนะสำหรับทดสอบรองรับมาตรฐานในประเทศและมาตรฐานอาเซียน รวมถึงด้านการวิจัย โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี โดยแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรกเป็นการตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์ มูลค่า 2-3 พันล้านบาท และเฟสสองเป็นการสร้างสนามทดสอบรถยนต์ มูลค่า 4-5 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ไทยสามารถตรวจสอบและรับรองมาตรฐานรถยนต์อาเซียนได้ทั้งหมด 19 รายการ จากทั้งหมด 19 รายการ “หากสามารถตั้งศูนย์ทดสอบฯแห่งนี้ได้ จะทำให้ไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีผลิตชิ้นส่วนที่เป็นผู้ประกอบการไทย 100% จะได้รับการพัฒนาจนมีมาตรฐานสามารถแข่งขันในตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ได้ทุกชาติ ซึ่งหากเอสเอ็มอีกลุ่มนี้ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างจริงจัง ก็อาจทำให้ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ทั้งหมด 1,850 ราย จะมีจำนวนเกือบครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 900 ราย ที่ไม่สามารถแข่งขันหลังเปิดเออีซีได้” นายวิชัย กล่าว Tags : วิชัย จิราธิยุต