"รถมือสอง" มั่นใจไตรมาส4สดใส เต็นท์รถปรับสมดุล-เศรษฐกิจฟื้น ผู้ค้ารถมือสองมั่นใจไตรมาส 4 ตลาดฟื้น หลังทิศทางประเทศ เศรษฐกิจชัดเจน ผู้ประกอบการผ่านการปรับตัวช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ระบุรถเล็กยังทรุด ผลกระทบรถใหม่อัดแคมเปญ ชี้ซูเปอร์คาร์ กระแสความนิยมพุ่ง ตลาดรถสองได้รับผลกระทบมายาวนาน ตั้งแต่ปี 2554 เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ผู้บริโภคกังวลใจที่จะซื้อรถใช้แล้ว จากนี้ปี 2555 โครงการรถคันแรกส่งผลช่องว่างราคาของรถใหม่และมือสองใกล้กัน หลังจากนั้นตลาดก็ได้รับผลกระทบอีกครั้งกับสถานการณ์การเมือง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่มีผลถึงปัจจุบัน สมชาย ตระกูลภิรมย์ ผู้จัดการทั่วไป มาสเตอร์ เซอร์ทิฟาย ยูสต์ คาร์ ผู้จำหน่ายรถมือสองในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถมือสองช่วง 5 เดือนแรกปีนี้คาดว่าจะลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว แต่ว่าจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวได้ และจากนี้ไปจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นเพราะสามารถจัดการปัญหาได้แล้ว ยังเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อประเมินจากสถานการณ์ปัจจุบัน เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้น และจะเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 4 ทั้งนี้การปรับตัวของเต็นท์รถ เห็นได้ชัดเจนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เพื่อรองรับกับตลาดหดตัวอย่างรุนแรง ซึ่งแนวทางการปรับตัวมีทั้งการหยุดดำเนินการไป ซึ่งคาดว่ามีประมาณ 30% จากจำนวนเต็นท์ทั้งหมดประมาณ 3,000 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายเล็ก ที่มีรถประมาณ 5-15 คัน "การหยุดกิจการอาจจะไม่ได้หมายความว่าจะเลิกไปเลย แต่เป็นการหยุดชั่วคราว รอให้สถานการณ์ดี แล้วจึงค่อยกลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้ง" ทั้งนี้การที่เต็นท์รถทำเช่นนั้นได้ เพราะลักษณะธุรกิจ เป็นการซื้อมา-ขายไป เมื่อสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยก็แค่หยุดซื้อ ขณะที่การลงทุนด้านพื้นที่สำหรับรายเล็กก็ไม่มากนัก ส่วนรายใหญ่ หรือผู้ที่มีกำลังทุนพอควร ก็ปรับตัวด้วยการจัดการสต็อกให้สมดุล และเหมาะสมกับตลาด รถคันไหนที่ขายยาก การเก็บไว้เท่ากับแบกรับต้นทุนก็ต้องยอมตัดขายแบบขาดทุน หรือ คัต ลอสต์ ไป แต่ก็มีผลดีตามมา คือการบริหารงาน และบริหารทุนทำได้คล่องตัวมมากขึ้น รถกลุ่มที่ค่อนข้างจะมีปัญหาก็คือ รถขนาดเล็ก ระดับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรลงมา ซึ่งก็หมายถึงรถในตลาดซับคอมแพค และอีโค คาร์ ซึ่งเป็นรถที่อยู่ในข่ายได้รับการสนับสนุนในโครงการรถคันแรกของรัฐบาลที่เริ่มตั้งแต่ปี 2554 ถึง 31 ธ.ค.2555 แต่ก็มีผลทำให้ดูดกำลังซื้อไปล่วงหน้า ปัญหาของรถกลุ่มนี้ในตลาดมือสองก็คือ ตลาดแกว่งตัวค่อนข้างมาก ราคาไม่นิ่ง และมีการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่รถใหม่มีแคมเปญส่งเสริมการจำหน่าย ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้ราคามือสองเปลี่ยนไป และขายได้ยาก นอกจากนั้นหากดูข้อมูลการจำหน่ายรถใหม่ พบว่ากลุ่มนี้หายไปถึง 50% ซึ่งหมายถึงว่ากำลังซื้อของลูกค้ากลุ่มนี้ลดลงไปอย่างมาก แต่ทางกลับกันมีรถออกสู่ตลาดมือสองเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากรถยึด ดังนั้นในส่วนของบริษัทจัดการกับเรื่องนี้ก็คือ ลดสัดส่วนการซื้อเข้าเหลือไม่เกิน 10% จากปกติประมาณ 25% ซึ่งการที่ยังต้องซื้อเข้าบ้าง เนื่องจากบริษัทมีการทำธุรกิจแบบเทรดอินด้วย สมชายบอกว่า แต่มีตลาดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ กลุ่มรถหรู โดยเฉพาะซูเปอร์คาร์ เนื่องจากเป็นกลุ่มรถที่คนให้ความใจมากขึ้น อย่างไรก็ตามหลายคนที่มีเงินพอสมควร ยังไม่แน่ใจในตัวเองว่าชอบรถประเภทนี้จริงหรือไม่ จึงไม่ต้องการที่จ่ายเงินจำนวนมากซื้อรถใหม่ แต่มาซื้อรถในตลาดมือสองซึ่งมีราคาถูกกว่ากันมาก ซึ่งหากไม่ชอบใจก็สามารถขายได้ โดยราคาไม่ตกมากนัก หรือบางทีอาจจะไม่ขาดทุนเลย ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทก็จะเน้นทำตลาดนี้เช่นกัน ซึ่งมีข้อได้เปรียบคือในเครือข่ายบริษัทมาสเตอร์ กรุ๊ป มีรถซูเปอร์คาร์ทำตลาดด้วยเช่นกัน ทั้งโรลสรอยซ์ แอสตัน มาร์ติน และเทคอาร์ต (ปอร์เช่ที่แต่งด้วยชุดแต่งเทคอาร์ต) ซึ่งข้อได้เปรียบของบริษัทก็คือ การเป็นตัวแทนขายรถยี่ห้อเหล่านี้ ทำให้เมื่อทำตลาดมือสอง ก็สามารถให้บริการหลังการขายได้ โดยมองว่าจากนี้ไปจะเน้นตลาดแอสตันมาร์ตินเป็นพิเศษ เพราะแม้ว่าเอ็มกรุ๊ป จะเริ่มเป็นตัวแทนจำหน่ายได้ไม่นาน แต่ประชากรของแอสตันมาร์ตินที่อยู่ในตลาดเมืองไทยก่อนหน้านี้ มีปริมาณพอสมควร Tags : ยานยนต์ • รถมือสอง • ค่ายรถ • เต็นท์รถ • เศรษฐกิจ • ไตรมาส4