สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้พิจารณาทบทวนตัว "พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และการกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่)" ใน 3 ประเด็น ดังนี้ เดิมทีสำนักงาน กสทช. มีหน้าที่ทำงบประมาณประจำปีเสนอบอร์ด กสทช. อนุมัติ ทำให้ขาดการควบคุมและการตรวจสอบเช่นเดียวกับหน่วยงานรัฐอื่นๆ ซึ่ง สตง. เสนอให้ปรับกระบวนการต้องผ่านขั้นตอนเหมือนหน่วยงานรัฐทั่วไป กฎหมายระบุว่า รายได้จากการประมูลคลื่นความที่ด้านวิทยุ-โทรทัศน์ให้ส่งเข้ากองทุน กสทช. แต่รายได้จากการประมูลคลื่นความถี่โทรคมนาคม กลับต้องเป็นรายได้แผ่นดิน ซึ่ง สตง. เสนอให้ปรับเปลี่ยนเป็นรายได้จากการประมูลทุกประเภทต้องส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ประเด็นเรื่องคุณสมบัติและกระบวนการคัดเลือก บอร์ด กสทช., เลขา กสทช. และซูเปอร์บอร์ด กสทช. (คณะกรรมการติดตามประเมินผล กสทช.) มีปัญหาหลายจุด แยกย่อยได้ดังนี้ บอร์ด กสทช. ใช้การเสนอชื่อจากสมาคม สถาบัน องค์กร ตามที่กฎหมายระบุ อาจถูกแทรกแซงจากกลุ่มผลประโยชน์ได้ เลขาธิการ กสทช. กฎหมายระบุให้ประธาน กสทช. มีอำนาจทั้งแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ ทำให้ไม่เกิดการคานอำนาาจกันระหว่างบอร์ดกับเลขาธิการ ดังนั้นควรปรับกระบวนการสรรหาเลขาธิการให้เป็นไปตามกฎหมาย (เช่น ผ่านสภา) ซูเปอร์บอร์ด กสทช. หน้าที่อาจซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการตรวจสอบภายใน (audit committee) และที่ผ่านมา ซูเปอร์บอร์ดใช้เงินในปี 2556 ไป 52 ล้านบาท, ปี 2557 ของบเพิ่มเป็น 170 ล้านบาท แถมยังมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องอายุขั้นต่ำของบอร์ดและเลขา กสทช. ที่กฎหมายระบุว่าต้องไม่น้อยกว่า 35 ปี ในขณะที่องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญมักกำหนดไว้ที่ไม่น้อยกว่า 45 ปี จึงอาจไม่เหมาะสมในเรื่องวัยวุฒิและวุฒิภาวะได้ ที่มา - สำนักข่าวอิศรา (กรุณาอ่านหนังสือฉบับเต็มของ สตง. ตามลิงก์ก่อนคอมเมนต์) Government, NBTC, Thailand