สมาคมค้าทองคำมองแนวโน้มราคาทองคำโลกครึ่งปีหลัง ปรับตัวลง ในนประเทศจะถูกกดดันจากเงินบาทแข็งค่า หลังการเมืองเปลี่ยน สมาคมค้าทองคำมองแนวโน้มราคาทองคำครึ่งปีหลัง ปรับตัวลง แม้ระยะสั้นจะขยับขึ้นมาจากความกังวลความขัดแย้งในอิรัก ขณะที่เงินทุนส่วนใหญ่หันไปลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนราคาทองคำในประเทศจะถูกกดดันจากเงินบาทแข็งค่า หลังการเมืองเปลี่ยน คาดครึ่งปีหลังราคาทองคำอยู่ระหว่าง 1,100 -1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เชื่อทั้งปีผลตอบแทนเป็นบวก นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในครึ่งปีหลังอาจปรับตัวลดลง หลังธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจปรับดอกเบี้ยเงินฝากระหว่างธนาคารกลางกับธนาคารพาณิชย์ เหลือ ลบ 0.1 % ทำให้เงินเคลื่อนย้ายไปในตลาดหุ้นมากขึ้น “ปัจจุบันเงินทุนเคลื่อนย้ายไปในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เห็นได้จากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดเวลา ต่างจากทองคำที่ราคาลดลงต่อเนื่อง ทำให้เรามองว่าตลาดทองคำในครึ่งปีหลังความน่าสนใจน้อยลง” เขากล่าวว่า ในระยะสั้น แม้โลกจะมีความเสี่ยง ทั้งความขัดแย้งในอิรัก ราคาทองอาจปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในภาพระยะยาว ยังมีความเสี่ยงอย่างการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐเป็นปัจจัยกดดัน แต่เชื่อว่าผลตอบแทนราคาทองคำในปีนี้จะยังเป็นบวก เพราะต้นปีราคาทองคำปรับตัวลดลงไปต่ำที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกทั้งต้นทุนหน้าเหมืองอยู่ที่ 1,032.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นแนวรับขอราคาทองคำ โดยราคาในครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 1,100 -1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากปัจจุบัน 1,270 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำไทยครึ่งปีหลังมองว่า ยังมีความเสี่ยงด้านค่าเงินบาท ความเชื่อมั่นในพื้นฐานของประเทศ จากการขับเคลื่อนนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างชาติมากน้อยเพียงใด หากสร้างความเชื่อมั่นได้ทำให้เงินทุนไหลเข้าเงินทุนไหลเข้า ทำให้เงินบาทแข็งค่า จะส่งผลต่อราคาทองคำปรับตัวลดลงได้ โดยกรอบราคาทองคำในครึ่งปีหลังมองว่า 17,500 -22,000 บาทต่อบาททองคำ ที่ค่าเงินบาท 32 บาทต่อดอลลาร์ ด้านคำแนะนำลงทุน ให้เน้นลงทุนระยะสั้น ลักษณะขึ้นซื้อลงขาย เล่นเป็นรอบ ไม่ลงทุนระยะยาว เพราะยังมีความเสี่ยงสูง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ มิ.ย. 2557 อยู่ที่ 45.53 จุด ลดลงจากเดือนก่อน 4.93 จุด หรือลดลง9.76% ทิศทางเดียวกับระยะ 3 เดือน ที่ 56.77 จุด ปรับลดลง 3.89 จุด หรือ 7.36% สะท้อนมุมมองเชิงลบต่อราคาทองคำจากปัจจัยที่คาดว่าจะกดดันราคาทองคำสูงสุดคือ ค่าเงินบาท คาดว่าจะแข็งค่าตามปัจจัยพื้นฐานของประเทศที่ได้รับอานิสงส์งทุนภาครัฐ รองลงมาคือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทั้งการบริโภคและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น และความต้องการทองคำของตลาดโลก โดยเฉพาะจีนมีความต้องการเพิ่มขึ้น และมียอดนำเข้าสูงกว่า 1,000 ตัน เมื่อเทียบกับปีก่อน ความเสี่ยงจากปัจจัยการเมืองโลก ทั้งข้อพิพาทระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ข้อพิพาทหมู่เกาะระหว่างญี่ปุ่น ส่วนคาดการณ์ราคาทองคำในมิ.ย.ของผู้ค้าทองคำมองว่า จะเคลื่อนไหวในกรอบ 18,200 -20,400 บาทต่อบาททองคำ โดยกรอบการเคลื่อนไหวด้านล่างให้น้ำหนัก 18,200-19,000 บาทต่อบาททองคำ Tags : สมาคมค้าทองคำ • บาทแข็ง • ธนาคารกลาง • ธนาคารพาณิชย์ • อิรัก