ตลาดหลักทรัพย์ เผยผลโรดโชว์ ฮ่องกง-สิงคโปร์ นักลงทุนเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทย มีแผนซื้อเพิ่มหรือถือไว้ต่อ ตลาดหลักทรัพย์ร่วมกับธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์ นำบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย ขนาดกลางและขนาดเล็ก 13 บริษัทไปพบกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในประเทศไทยกว่า 65 บริษัทที่ประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกงในช่วงวันที่ 9-12 มิ.ย. เพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานและการเติบโตในอนาคต โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ได้สอบถามถึงผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมแสดงความแปลกใจที่ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นการลงทุนในประเทศไทย หลังฟังการนำเสนอข้อมูลก็ตั้งใจว่าหากไม่ซื้อเพิ่ม ก็คงถือไว้ แม้ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุน จะค่อนข้างแปลกใจที่ตลาดหุ้นไทยยังปรับขึ้นได้หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ ก็ได้ชี้แจงเป็นเพราะสถานการณ์ต่างๆ มีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้นักลงทุนในประเทศมีความเชื่อมั่น ส่วนนักลงทุนต่างประเทศ แม้จะขายออกไปบ้าง แต่ก็ได้เริ่มกลับมาซื้อ ทำให้จากช่วงวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันดัชนีปรับขึ้นไปแล้ว 5-6% "นักลงทุนส่วนใหญ่เป็นกองทุนระยะยาว มีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ โดยหลักๆ จะสอบถามเรื่องเกี่ยวกับผลกระทบการทางการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ และกังวลว่าหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จะมีการออกกฎอะไรที่กระทบกับการลงทุนหรือไม่ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ให้ข้อมูลไปว่า ไม่มีอะไรที่กระทบกับการลงทุน และมีส่วนที่ส่งผลดี คือ คงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลต่อไป" เธอกล่าวต่อว่า ตลาดหลักทรัพย์ยังได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย ที่ทนได้กับทุกสถานการณ์ มีผลการดำเนินงานที่เติบโตดี ขณะที่แม้จะมีปัญหาทางการเมือง แต่ตลาดหุ้นไทยก็ยังคงเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงสุดในอาเซียน และมีผลตอบแทนในระดับสูง โดยจากต้นปีจนถึงปัจจุบันมีผลตอบแทนในระดับ 12.9% สูงสุดเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาค แต่หากมองย้อนหลัง 4 ปี หรือจากปี 2553 เป็นต้นปี ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนสูงถึง 80% นอกจากนี้นักลงทุนยังสนใจแผนงานตลาดหลักทรัพย์ในเรื่องหุ้นที่จะเข้าตลาดเพิ่ม หรือหุ้นไอพีโอ การเชื่อมโยงและการทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก็ได้ให้ข้อมูลไปว่าในอนาคตตลาดหลักทรัพย์มีแผนที่จะพัฒนาให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (วอลุ่ม) และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) เติบโตเท่าตัวภายในปี 2563 จากปัจจุบันมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ระดับ 13 ล้านล้านบาท เธอกล่าวต่อว่า ในการโรดโชว์ครั้งนี้ได้มี นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ไปร่วมให้ข้อมูลนักลงทุนใน 2 เรื่องคือ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมีผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจ และทิศทางเศรษฐกิจหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ซึ่งได้ชี้ให้นักลงทุนเห็นว่าที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ได้มีการตัดสินใจในนโยบายต่างๆ มานาน แต่ทางคสช.ได้มีแผนโรดแมพออกมาชัดเจนใน 3 ระยะ มีการจัดทำงบประมาณรัฐ ซึ่งเป็นบวกต่อประเทศ และเศรษฐกิจภาพรวม ส่วนการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างชาติก็ยังสามารถเข้าออกได้ตามปกติ สำหรับเรื่องหนี้สินครัวเรือนนั้น ธปท.ไม่ค่อยกังวล เพราะธนาคารพาณิชย์ได้มีการระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อพอสมควร ขณะที่การกู้ยืมของภาคเอกชนก็ใม่ได้สูง สถานะทางการคลังปัจจุบันก็ไม่ได้เลวร้าย เรื่องหนี้สินครัวเรือนนั้น เมื่อดูในรายละเอียดแล้ว จึงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น และยิ่งเติบโตดียิ่งขึ้นในปีหน้า Tags : ตลาดหลักทรัพย์ • เกศรา มัญชุศรี • โรดโชว์