หุ้น"ดีแทค"อ่วมราคาต่ำสุดรอบ 3 เดือน หลังถูกปัจจัยลบกดดัน ทั้งพ.ร.บ.ต่างด้าวถูกทบทวนและถอนหุ้นในตลาดสิงคโปร์ การเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ราคาหุ้นปรับลดลงต่ำเนื่อง และปรับลดลงต่ำสุดที่ 114 บาท ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และมาปิดซื้อขายที่ 115.50 บาท ลดลง 6 บาท หรือลดลง 4.94% มีมูลค่าซื้อขาย 1,729.46 ล้านบาท นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการเพิกถอนหุ้นของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนบนกระดานหลักของ The Singapore Exchange Securities Trading Limited (ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์) เหตุผลของการเพิกถอนหุ้น เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ มีจำนวนค่อนข้างตํ่า เมื่อเทียบกับปริมาณการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้ถือหุ้นซึ่งถือหุ้นของบริษัทฯ ผ่าน The Central Depository (PTE) Limited มีจำนวนจำกัด ขณะเดียวกัน บริษัทไม่มีการพิจารณาระดมทุนเพิ่มเติม โดยวิธีการออกหุ้นเพิ่มทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ บริษัทจะทำการระดมทุนเพิ่มเติมในอนาคตผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงลดค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย และการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การจดทะเบียนหลักทรัพย์ และนำค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้ดังกล่าวไปใช้ในการประกอบธุรกิจของบริษัท บริษัทได้ยื่นคำขอต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เพื่อขออนุมัติการเพิกถอนหุ้น เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ยืนยันว่า ไม่มีข้อคัดค้านต่อการขอเพิกถอนหุ้นดังกล่าว ซึ่งจะมีผลให้หุ้นของบริษัทถูกถอนออกจากกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ส่วนผู้ถือหุ้นยังสามารถซื้อขายหุ้นของบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ เพราะบริษัทยังคงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บล.กรุงศรี กล่าวว่า การที่หุ้นดีแทคราคาปรับลดลงแรง เพราะมีปัจจัยเชิงลบหลายเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นการทบทวนกฎหมายพ.ร.บ.ต่างด้าว ที่อาจมีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทในกลุ่มสื่อสาร ซึ่งบริษัทดีแทคก็เข้าข่ายมีปัญหา ปัจจัยเรื่องการประกาศเพิ่มทุน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญ และมีอันดับรองจากบริษัทดีแทค แต่เมื่อเพิ่มทุน และมีพันธมิตรใหม่ที่แข็งแรง ทำให้บริษัทดังกล่าวอาจจะมีศักยภาพสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดได้ ซึ่งต้องติดตามอีกครั้ง "กรณีการประกาศถอดหุ้นจากตลาดสิงคโปร์ มองว่าไม่น่าจะมีประเด็นที่มีนัยสำคัญ เพราะมีจำนวนหุ้น 0.3% ของหุ้นดีแทคทั้งหมด และเมื่อถอดออกก็ไม่ได้มีผลอะไร ขณะเดียวกันที่ผ่านมาราคาหุ้นดีแทคปรับตัวขึ้นสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานที่แนะนำนักลงทุน ทำให้จึงเป็นโอกาสที่จะขายออกมาเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต" บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้หุ้นดีแทคปรับลดลงแรง เพราะข่าวการตรวจสอบโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่มีต่างชาติถือครองเกิน 50% ซึ่งทางการอาจจะมีการทบทวนกฎหมายเกี่ยวกับการถือครองหุ้นของต่างชาติ ซึ่งจะมีผลกระทบโดยตรงกับบริษัทดีแทค แต่จากการสอบถามนักลงทุนของบริษัทดังกล่าวแล้ว ได้รับคำตอบว่าประเด็นโครงสร้างผู้ถือหุ้นได้แก้ไขปัญหาไปในระดับหนึ่งแล้ว แต่ถ้ายังพบว่ามีปัญหาอีกบริษัทก็จะให้ความร่วมมือ ขณะที่กรณีการเพิ่มทุนและพันธมิตรใหม่ของบริษัททรู อาจจะมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต "ตอนนี้มีปัจจัยจิตวิทยาเชิงลบ แต่ยังไม่ได้มีผลกระทบกับปัจจัยพื้นฐานบริษัท ขณะที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปเกินปัจจัยพื้นฐานแล้ว พีอีเรโชสูง 20 เท่าและสูงกว่าบริษัทที่ทำธุรกิจเดียวกันที่อยู่ระดับ 17 เท่า จึงทำให้นักลงทุนแห่ขายและราคาปรับลดลงแรง" กรณีถอดหุ้นจากตลาดหุ้นประเทศสิงคโปร์นั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร เพราะหุ้นที่ถูกโอนกลับมามีจำนวน 0.3% และจะโอนมาในส่วนหุ้นกระดานต่างประเทศ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกระดานหลักในตลาดหุ้นไทย และเหตุผลที่ชี้แจงของการถอดหุ้นเพราะไม่มีสภาพคล่อง และมีผู้ถือหุ้นอยู่ไม่ถึง 100 ราย จึงไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรต่อการดำเนินธุรกิจ นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าการที่บริษัทถอดหุุ้นดีแทคจากตลาดหุ้นสิงคโปร์ ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร เพราะปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจในไทย หุ้นที่ซื้อขายก็ควรจะอยู่ในตลาดนั้น เพราะนักลงทุนในประเทศ จะให้ความสนใจ และรู้จักธุรกิจมากกว่าอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทก็ต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย Tags : โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น • ดีแทค • ถอนหุ้น • พ.ร.บ.ต่างด้าว