สัมภาษณ์ผู้บริหาร Nutanix สตาร์ตอัพสายเซิร์ฟเวอร์แนวคิดใหม่ที่กำลังมาแรง

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 25 พฤษภาคม 2015.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    Nutanix ถือเป็นสตาร์ตอัพสาย enterprise ที่กำลังมาแรงมาก บริษัทเริ่มก่อตั้งในปี 2009 และเริ่มวางขายสินค้าครั้งแรกในปี 2011 เวลาผ่านมาได้เพียงไม่กี่ปี บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถระดมทุนได้แล้วกว่า 300 ล้านดอลลาร์ (มูลค่าบริษัทเกิน 2 พันล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว หนึ่งในบริษัทที่มาลงทุนคือ SAP) และน่าจะขายหุ้น IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ (ท่ามกลางข่าวลือล่าสุดว่า Cisco สนใจเข้ามาสอยไปก่อน IPO)

    ผมมีโอกาสสัมภาษณ์คุณ Paul Serrano ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กับคุณทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Nutanix เพื่อทำความรู้จักกับสตาร์ตอัพรายนี้กันครับ

    เซิร์ฟเวอร์แนวคิดใหม่


    Nutanix เป็นบริษัทขายเซิร์ฟเวอร์ นับจนถึงปัจจุบัน สินค้าของบริษัทคือการขายฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว แต่เซิร์ฟเวอร์ของ Nutanix เป็นเซิร์ฟเวอร์แนวคิดใหม่ที่กลับวิธีคิดจากเซิร์ฟเวอร์แบบเดิมๆ

    ปกติแล้ว เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ในองค์กร เรามักแยกกันระหว่างเซิร์ฟเวอร์สำหรับประมวลผล (compute) เช่น เว็บเซิร์ฟเวอร์ เมลเซิร์ฟเวอร์ แอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ กับ สตอเรจ สำหรับเก็บข้อมูลพวก NAS/SAN

    ข้อเสียของการใช้สถาปัตยกรรมแบบเดิมคือสตอเรจเป็นเทคโนโลยีเฉพาะ (proprietary) ของบริษัทแต่ละแห่ง มีราคาแพง บริหารจัดการได้ยาก ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านสตอเรจโดยเฉพาะ อีกทั้งการขยายขนาด (scale) ทำได้ยากกว่า

    บริษัทที่พยายามแก้ปัญหาข้างต้นคือกูเกิล ที่นำแนวคิดการควบคุมระบบไอทีผ่านซอฟต์แวร์แทน ถ้าใครเคยอ่านเรื่องระบบเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิล น่าจะพบทราบดีว่ากูเกิลซื้อชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ในท้องตลาดมาทำเซิร์ฟเวอร์เอง แล้วเขียนโปรแกรมควบคุมระบบเอง กูเกิลไม่สนใจเรื่องเซิร์ฟเวอร์พังเป็นรายตัว เพราะข้อมูลทุกชุดเก็บ 3 สำเนาเสมอ ถ้าเครื่องพังก็เปลี่ยนออก นำเครื่องใหม่ใส่แทน ที่เหลือซอฟต์แวร์ของกูเกิลจะจัดการเรียกข้อมูลคืนให้อัตโนมัติ

    แนวคิดแบบนี้ถูกพิสูจน์แล้วว่าเวิร์คในยุคของคลาวด์ และส่งผลให้บริษัทไอทีรายอื่น (เช่น เฟซบุ๊ก, Azure, AWS) หันมาเดินรอยตามกูเกิลในเรื่องนี้

    [​IMG]

    แต่เซิร์ฟเวอร์ล้ำยุคของกูเกิลมีใช้เฉพาะในบริษัทกูเกิลเองเท่านั้น กูเกิลไม่เปิดเผยซอฟต์แวร์เหล่านี้ต่อบุคคลภายนอก (มีเฉพาะเปเปอร์วิชาการอธิบายแนวทาง) ระยะหลังเราจึงเห็นโครงการโอเพนซอร์สหลายแห่งพยายามสร้างระบบลักษณะเดียวกับกูเกิลขึ้นมา เช่น Hadoop ที่ริเริ่มโดยยาฮู หรือโครงการ OpenCompute ของเฟซบุ๊ก

    Nutanix เป็นบริษัทอีกแห่งที่ใช้แนวคิดแบบเดียวกัน นั่นคือสร้างเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ชิ้นส่วนที่หาได้ทั่วไป (commodity) แล้วหันไปเน้นการใช้ซอฟต์แวร์ช่วยบริหารจัดการให้มากขึ้นแทน (จะเรียกว่าเป็นหนึ่งในบริษัทสาย software-defined data center ก็ได้)

    กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ Nutanix จึงเป็นองค์กรที่อยากได้ระบบไอทีแบบกูเกิล แต่ไม่มีให้ซื้อที่ไหน (เพราะกูเกิลไม่ทำขาย) Nutanix จึงอาศัยช่องว่างทางการตลาดนี้เข้ามาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้านี้

    เซิร์ฟเวอร์ของ Nutanix


    Nutanix เรียกเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองว่า hyper-converged ซึ่งหมายถึงการผนวกเอาเซิร์ฟเวอร์กับสตอเรจไว้ด้วยกันในกล่องเดียว (เป็นแร็คขนาด 2U มาตรฐาน) ที่เหลือควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ทั้งหมด การสเกลหรือขยายขนาดทำได้อัตโนมัติ เพียงแค่ซื้อเซิร์ฟเวอร์อีกตัวมาวางเพิ่มเท่านั้น

    [​IMG]

    [​IMG]

    แนวคิดของ Nutanix คือเมื่อกระบวนการคอนฟิกและบริหารจัดการทั้งหมดไปอยู่ที่ซอฟต์แวร์ ทำให้งานแอดมินระบบลดความซับซ้อนลงไปมาก แถมการสเกลก็ทำได้ง่ายขึ้นมาก ในภาพรวมจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายขององค์กรในด้าน IT infrastructure ลง

    เมื่อนำเซิร์ฟเวอร์ของ Nutanix มาวางต่อๆ กัน ระบบจัดการสตอเรจจะมองสตอเรจทั้งหมดเป็นผืนเดียวกัน โดยเรียกว่า NDFS (Nutanix Distributed File System)

    [​IMG]

    สถาปัตยกรรมของ Nutanix จะเป็นดังภาพครับ เซิร์ฟเวอร์แต่ละตัวจะรัน Controller VM หรือ CVM ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เฉพาะของ Nutanix เอง เพื่อให้เซิร์ฟเวอร์คุยกันได้เอง ส่วนงานที่ไปรันบนเซิร์ฟเวอร์แต่ละตัวก็รันผ่าน VM เหมือนอย่างเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปอีกทีหนึ่ง (เลือก Hypervisor ได้ตามชอบ ซึ่ง Nutanix รองรับหมดทั้ง VMware ESXi, Microsoft Hyper-V และ KVM ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นงานประเภทไหน ถ้ารันผ่าน VM อยู่แล้วก็ย้ายมารันบน Nutanix ได้หมด)

    [​IMG]

    รายละเอียดทางเทคนิคของ Nutanix อ่านได้จาก Nutanix Bible เขียนไว้ละเอียดมากครับ

    โดยรวมแล้ว Nutanix เป็นทางเลือกใหม่ของวงการ data center สำหรับองค์กรที่อยากได้เซิร์ฟเวอร์แนวคิดใหม่ที่บริหารจัดการง่ายขึ้น

    คุณ Paul Serrano บอกกับผมว่าตอนนี้เมืองไทยมีลูกค้าที่ใช้ Nutanix แล้วหลายราย โดยลูกค้าเกือบทั้งหมดจะใช้ Nutanix สำหรับโครงการใหม่เป็นหลัก รันขนานไปกับระบบเซิร์ฟเวอร์แบบเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่ช่วงหลังก็เริ่มมีบางองค์กรที่หันมาใช้ระบบเซิร์ฟเวอร์ Nutanix ล้วนแล้ว

    ก้าวต่อไปของ Nutanix


    ปัจจุบัน Nutanix มีลูกค้ามากกว่า 1,200 แห่งทั่วโลก พนักงานเกิน 1,000 คนแล้ว จุดที่น่าสนใจคือ Nutanix ทำตลาดเอเชียหนักมาก (ขายใน 13 ประเทศทั่วเอเชีย) ในขณะที่คู่แข่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทในสหรัฐ กลับยังไม่ค่อยสนใจตลาดนี้เท่าไรนัก

    คู่แข่งของ Nutanix แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือคู่แข่งที่ทำโซลูชันแบบ hyper-converged โดยตรงคือ SimpliVity (ที่เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน) ส่วนกลุ่มที่สองคือผู้ขายสตอเรจแบบดั้งเดิม ที่หันมาขายสตอเรจแบบ hyper-converged เพิ่มด้วย โดยกลุ่มหลังมักใช้ซอฟต์แวร์ EOV:RAIL ของค่าย VMware ช่วยในการเชื่อมต่อระบบเข้าด้วยกัน

    แผนการของ Nutanix ดูได้จากสไลด์ด้านล่าง Nutanix เริ่มจากการขายฮาร์ดแวร์แบบเบ็ดเสร็จ (appliance) แต่ก็กำลังขยายตัวเองมาแยกขายซอฟต์แวร์ด้วย ตอนนี้บริษัทอยู่ในบันไดขั้นที่ 3 คือขายไลเซนส์ซอฟต์แวร์ให้กับผู้ขายฮาร์ดแวร์บางราย (ตอนนี้มีเพียงรายเดียวแต่เป็นรายใหญ่คือ Dell - ข่าวเก่า) ส่วนในอนาคตก็จะแยกซอฟต์แวร์ออกอีกที

    [​IMG]

    Nutanix กำลังเตรียมการด้านการขายซอฟต์แวร์ โดยออกซอฟต์แวร์ Nutanix Community Edition ให้ดาวน์โหลดไปติดตั้งในเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองได้ด้วย (ข่าวเก่าใน Blognone)

    ซอฟต์แวร์รุ่นชุมชนนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ "ลองใช้" เป็นหลัก เพราะแอดมินระบบจะได้ลองทำเซิร์ฟเวอร์ที่เป็น web-scale ก่อนตัดสินใจซื้อ ซอฟต์แวร์สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี แต่จำกัดความสามารถที่ 4 เซิร์ฟเวอร์ต่อการต่อคลัสเตอร์หนึ่งตัว, รองรับเฉพาะ KVM และตามไลเซนส์แล้วไม่สามารถใช้งานแบบ production ได้ (แต่ถ้าจะรันเซิร์ฟเวอร์ที่เป็น development ก็ไม่มีปัญหา)

    ผมถามว่า Nutanix มีแผนจะโอเพนซอร์สเทคโนโลยีของตัวเองหรือไม่ คำตอบคือยังไม่สนใจโอเพนซอร์ส เพราะเทคโนโลยี CVM คือจุดขายของบริษัทในตอนนี้ และทำให้บริษัทยังได้เปรียบในการแข่งขันอยู่

    ปิดท้ายด้วยวิดีโออธิบายสถาปัตยกรรมของ Nutanix ครับ



    Enterprise, Interview, Nutanix, Storage
     

แบ่งปันหน้านี้