โบรกเผย'ปรับแผนโครงการน้ำ'

โบรกเกอร์ ประเมิน แม้โครงการจัดการน้ำยังอยู่ แต่อาจปรับรูปแบบให้เหมาะสม ส่งผลนักลงทุนกังวล เทขายหุ้นกลุ่มรับเหมาราคาร่วง

การเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทอิตาเลียนไทย (ITD) ปรับตัวลดลงแรง เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายโครงการบริหารจัดการน้ำ ส่งผลให้มีแรงเทขายต่อเนื่อง จนกระทั่งมาปิดการซื้อขายที่ราคา 4.60 บาท ลดลง 0.32 บาท หรือลดลง 6.50% มูลค่าการซื้อขาย 1.2 พันล้านบาท

ขณะที่่ราคาหุ้นรับเหมารายอื่นปรับตัวลดลงเช่นกัน ได้แก่ หุ้นช.การช่าง (CK) ปิดตลาดที่ 21 บาท ลดลง 0.90 บาท หรือลดลง 4.11% มูลค่าการซื้อ 779.26 ล้านบาท หุ้นเนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) ปิดที่ 2.14 บาท ลดลง 0.16 บาท หรือลดลง 6.96% มูลค่าซื้อขาย 80.19 ล้านบาท บริษัทชิโนไทย คอนสตรัคชั่น ปิดที่ 21.20 บาท ลดลง 1 บาท หรือลดลง 4.50% มูลค่าซื้อขาย 736.95 ล้านบาท

บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า การประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า โครงการใดจะเดินหน้าต่อ รวมถึงโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่จะมีการทบทวนเป็นปัจจัยลบทางจิตวิทยาการลงทุนของหุ้นอิตาเลียนไทย แต่ฝ่ายวิจัยประเมินไม่กระทบกับคาดการณ์กำไรปกติ และราคาเป้าหมาย เพราะยังไม่รวมโครงการจัดการน้ำ ซึ่ง อิตาเลียนไทย ร่วมกับ POWER CHINA ประมูลได้คะแนนสูงสุดในโมดูล A1, A2, A4, B1 และ B3 วงเงินรวม 1.06 แสนล้านบาท คิดเป็นมูลค่างานตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทอิตาเลียนไทยที่ 50% ที่ 5.03 หมื่นล้านบาทไว้ในประมาณการ ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้ ขณะที่บริษัทมีในมือรอรับรู้รายได้ 8.6 หมื่นล้านบาท และงานรอเซ็นสัญญาอีก 1.8 แสนล้านบาท พอเพียงที่จะรับรู้เป็นรายได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า แผนการจัดการน้ำยังดำเนินการต่อไป เพียงแต่รูปแบบอาจปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม เพราะว่าความผันผวนของภูมิอากาศ ทำให้เกิดปัญหาภัยแล้ง หรือน้ำท่วมขัง ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานด้วย สำหรับบริษัทอิตาเลียนไทย ถือว่าความเสียหายไม่มากนัก เทียบกับขนาดของกิจการซึ่งมีขนาดใหญ่ และเมื่อมีการแก้ไขแล้ว ผู้ที่ให้ความสนใจเข้าประมูลงานบริหารจัดการน้ำ ก็ยังเป็นเจ้าเดิมๆ ที่ได้งานครั้งก่อน

สำหรับงานปีนี้ บล.เคเคเทรด คาดว่า แม้จะมีปริมาณงานที่ได้รับไม่มากนัก เนื่องจากงานภาครัฐที่ชะลอออกไป แต่บริษัทยังมีโอกาสรับงานจากภาคเอกชน นับจากต้นปีถึงปัจจุบันราว 6 พันล้านบาท เช่น งานโรงไฟฟ้า งานสร้างโรงก๊าซ รวมถึงงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญากว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นงานจากต่างประเทศทั้งประเทศลาว และพม่าเป็นส่วนใหญ่ โดยคาดว่าทั้งปี อิตาเลียนไทย มีโอกาสรับงานได้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท คำแนะนำและเหตุผล ระยะสั้นอิตาเลียนไทย ยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนระดับราคา และยังคงได้รับแรงกดดันจากภาพรวมตลาด รวมถึงงานภาครัฐยังไม่เห็นการเกิดขึ้นในระยะอันใกล้

ส่วนแนวโน้มระยะยาว จากการเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เชื่อว่า หลังวิกฤติทางการเมืองผ่านพ้น การประมูลงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่เห็นเป็นรูปธรรม จะเป็นปัจจัยบวกต่อโอกาสรับงานในอนาคต

"ปัจจุบันหุ้นอิตาเลียนไทยซื้อขายภายใต้ราคาเทียบมูลค่าพื้นฐานต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ต้องระมัดระวังการลงทุนในหุ้นดังกล่าว คือภาระค่าใช้จ่ายและระดับอัตรากำไรขั้นต้น"

ขณะที่ ฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ มองว่า การปรับตัวขึ้น 17-29% ในรอบ 1 เดือน ของราคาหุ้นกลุ่มบริการรับเหมาก่อสร้างที่เกี่ยวเนื่องกับงานก่อสร้างภาครัฐสะท้อนผลบวกจากการคลี่คลายทางการเมืองไปแล้วในระดับหนึ่ง การที่ คสช. มีความตั้งใจสานต่อโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นไปตามคาดไว้ และผลบวกจากโครงการดังกล่าว จะช่วยหนุนการเติบโตของกำไรของกลุ่มอีกครั้งในปี 2559 เติบโตอย่างรวดเร็ว

"แม้ คสช. มีแผนสานต่อโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่จะเริ่มดำเนินการได้ต้องใช้เวลาอีกระยะ เพราะรัฐบาลมีข้อจำกัดเรื่องเวลาและงบประมาณ อีกทั้งขั้นตอนการอนุมัติ EIA และ HIA สำหรับบางโครงการ ต้องใช้เวลานาน สำหรับปีนี้ คาดว่าจะมีงานใหญ่ของภาครัฐเพียง 3 งาน มูลค่า 8.6 หมื่นล้านบาท ที่จะเริ่มดำเนินการประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้าง โครงการดังกล่าว ได้แก่ โครงการรถไฟรางคู่ มูลค่า 1.08 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดจะประกาศผลผู้ชนะการประมูลในเดือนนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) มูลค่า 26.5 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มขายเอกสาร TOR รอบ 2 ในช่วง 3 เดือนหน้า คาดเริ่มประมูลไตรมาส 4 ปีนี้ และโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 มูลค่า 4.87 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเริ่มประมูลไตรมาส 4 ปีนี้เช่นกัน "

Tags : หุ้นรับเหมาก่อสร้าง • ตลาดหุ้น • ดัชนี • โครงการน้ำ