เอสเอ็มอีแบงก์หนุนผู้ประกอบการตามแผนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 8 พันล้าน นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการบริหารธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยในพิธีลงนามความร่วมมือและการประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการสินเชื่อเพื่อการสนับสนุนผู้ประกอบการตามแผนยุทธศาสตร์กระทรวงอุตสาหกรรม ว่า หน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม 20 แห่ง ร่วมกับเอสเอ็มอีแบงก์ และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) บูรณาการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่กำลังประสบปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เป้าหมายโครงการสินเชื่อเพื่อการสนับสนุนผู้ประกอบการตามแผนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม จะกำหนดวงเงินสินเชื่อ 8,000 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ นโยบายในการปล่อยสินเชื่อครั้งนี้ ต้องดูปัจจัยในการพิจารณาเพิ่มเติม จากความสามารถในการชำระหนี้ หลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ให้ดูจากปัจจัยด้านคุณภาพเป็นหลักด้วย เช่น คุณภาพสินค้า ทรัพย์สินทางปัญญา กระบวนการผลิต และการประกอบธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ กรีนอินดัสทรี ซึ่งกระทรวงฯพยายามผลักดัน เพราะมีความสำคัญต่อการประกอบธุรกิจ เป็นการดูแลชุมนุมและสิ่งแวดล้อม นอกจากเน้นเพียงผลกำไร ขณะเดียวกันยังเป็นเครื่องมือดึงให้อุตสาหกรรมขนาดเล็กสนใจลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น "วงเงินสินเชื่อ 8,000 ล้านบาทเอสเอ็มอีแบงก์จะพิจารณาจากโรงงานของเอสเอ็มอีที่มีคุณภาพ มีแนวทางบริหารให้ความสำคัญต่อระบบกรีน ส่วนเรื่องความเสี่ยงเรื่องหนี้เสียนั้นแม้จะมีอยู่" นายวิฑูรย์กล่าว น.ส.ปาริฉัตร เหล่าธีระศิริวงศ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า นโยบายของธนาคารหลังจากนี้จะเน้นพิจารณาลูกค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น หากเป็นเอสเอ็มอีภาคการผลิตต้องให้ความสำคัญต่อการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยมลภาวะ เชื่อว่าวงเงินสินเชื่อ 8,000 ล้านบาท จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่กำลังประสบปัญหาด้านสภาพคล่องจากสถานการณ์ปัจจุบันด้วย ทั้งนี้ภายในเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้ ทางธนาคารจะออกมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้สามารถละเว้นชำระหนี้เงินต้นเป็นเวลา 6 เดือนเช่นกัน โดยในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อรวม 27,000 ล้านบาท แต่ช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อเพียง 2,500 ล้านบาท ถือว่าชะลอตัวเพราะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไม่กล้าลงทุนในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งพบว่าสถาบันการเงินอื่นประสบเช่นกัน โดยธนาคารจะติดตามสถานการณ์อีกครั้งหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว อาจทำการปรับเป้าหมายสินเชื่ออีกครั้ง ภายในไตรมาส 2 ขณะที่หนี้เสีย หรือเอ็นพีแอลอยู่ที่ 32,000 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของยอดเอ็นพีแอลทั้งหมด นายวัลลภ เตชะไพบูลย์ กรรมการ และผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า ในส่วนของวงเงินกู้ที่ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ ปล่อยกู้เอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองจำนวน 1.5 หมื่นล้านนั้น สสว. จะเป็นผู้ออกเงินค่าธรรมเนียมประกันสินเชื่อ 1.75% รวมวงเงินประมาณ 262.5 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า สสว. จะยื่นเรื่องให้บอร์ด สสว. พิจารณาภายในปลายเดือนนี้ โดยอายุสินเชื่อโครงการนี้จะสิ้นสุด 31 ธ.ค.2558 ส่วนการค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี ตามแผนแม่บทกระทรวงอุตสาหกรรม นั้นบสย. คาดว่าจะค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอีได้ประมาณ 5 ล้านบาท/ราย อย่างไรก็ตาม หลังจากตั้งรัฐบาลใหม่ได้แล้ว จะเสนอรัฐบาลให้เข้ามาประกันสินเชื่อเพิ่มอีก 800 ล้านบาท ซึ่งจะมีเม็ดเงินสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับความเดือดร้อนในช่วงที่เศรษฐกิจไทยตกต่ำได้มากยิ่งขึ้น ส่วนเป้าหมายการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. ในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1 แสนล้านบาท บนพื้นฐานจีดีพีขยายตัว 4.5-4.8% แต่ทั้งนี้ล่าสุดคาดว่าอัตราจีดีพี จะโตต่ำกว่า 3% ดังนั้นจึงได้ปรับเป้าใหม่คาดว่าจะค้ำประกันสินเชื่อได้ 5.7 หมื่นล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้าหมาย 40% และมีสัดส่วนค้ำประกันในสินเชื่อใหม่ 25% ขณะที่ในปี 2558 ตั้งเป้าว่าจะค้ำประกันสินเชื่อ 1.2 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 27% Tags : วิฑูรย์ สิมะโชคดี • อุตสาหกรรม • เอสเอ็มอีแบงก์