ภารกิจตามหาซัคเคอร์เบิร์ก พาทัวร์สำนักงานใหญ่ Facebook ที่ Menlo Park

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 15 พฤษภาคม 2015.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ตอนที่แล้วเราพาไปเที่ยว Twitter HQ กันไปแล้ว วันนี้เป็นคิวของ Facebook HQ กันบ้างครับ

    ย้ำอีกรอบว่าการไปเยี่ยมชมสำนักงานของบริษัทไอทีลักษณะนี้ ต้องมีคนในพาเข้า และห้ามถ่ายรูปในส่วนที่เป็นพื้นที่ทำงานนะครับ ดังนั้นรูปประกอบในบทความก็จะมีแต่บริเวณโรงอาหาร หรือที่พักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น เพราะอาจส่งผลต่ออาชีพการงานของคนที่พาเข้าได้

    [​IMG]

    อย่างแรกเลยต้องอธิบายก่อนว่า สำนักงานใหญ่ของ Facebook ที่อยู่ในเมือง Menlo Park ตามที่อยู่ชื่อว่า 1 Hacker Way (ถนนพวกนี้ตั้งชื่อเองได้ เพราะเป็นถนนของบริษัทเองที่เปิดให้รถยนต์ทั่วไปเข้าได้) อย่างไรก็ตาม เมื่อบริษัทเติบโต Facebook จึงไปสร้างตึกหลังใหม่ที่ออกแบบโดย Frank Gehry ซึ่งอยู่ห่างไปคนละฝั่งถนนแทน ตึกหลังใหม่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Building 20 ครับ

    ภาพจากข่าวเก่า แสดงให้เห็นอาคารหลังใหม่ (Building 20) และกลุ่มอาคารหลักที่อยู่ข้ามไปอีกฝั่งถนนครับ (ป้าย Facebook Like ยอดนิยมก็อยู่ฝั่งอาคารเก่า)

    [​IMG]

    บทความนี้จะพาชมทั้งสองอาคารเลยครับ

    เริ่มจากลานจอดรถก่อน พบกับไอคอนที่คุ้นเคย

    [​IMG]

    ช่วงนี้รถยนต์พลังไฟฟ้า (EV หรือ electric vehicle) กำลังฮิต ที่ลานจอดรถก็จะมีจุดชาร์จไฟ EV โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยจัดการเรื่องที่จอดให้ (valet parking)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ที่ลานจอดรถยังมีจุดจอดรถยนต์สำหรับบริการอาหารด้วย ชื่ออย่างเป็นทางการคือ Facebook Culinary Team ผมเดินผ่านพอดี เจอมังกรดูอลังการก็ถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อย

    [​IMG]

    ส่วนของสำนักงาน ขอเริ่มจาก Building 20 ก่อนนะครับ อาคารแห่งนี้เพิ่งสร้างเสร็จและเปิดใช้งานไม่นาน โดย Facebook คุยว่าเป็น "ห้องสำนักงาน" ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะทุกคนนั่งห้องเดียวกัน ไม่มีกำแพงใดๆ ขวางกั้น

    ภายในก็มีโมเดลของตัวอาคารให้ดูเปรียบเทียบ

    [​IMG]

    คาดว่าคงมีแขกไปใครมาเยอะ ต้องหากิจกรรมให้ทำ เลยมี Facebook Wall ให้มาเขียนกัน (Google is Hiring เด่นมาก)

    [​IMG]

    ตัวอาคารหลังคาสูงมาก เทียบได้กับตึก 2 ชั้นเลยทีเดียว

    [​IMG]

    บันไดเดินขึ้นชั้นบน ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า (ตึกนี้มีแค่ 3 ชั้นคือ ใต้ถุนเอาไว้จอดรถ, ชั้น 1 เอาไว้ทำงาน, ดาดฟ้า)

    [​IMG]

    จุดเด่นของอาคารหลังนี้คือมีดาดฟ้าใหญ่มาก เป็นสวนหย่อมให้เดินเล่นได้เลย ที่ดูแล้งๆ เป็นเพราะรัฐแคลิฟอร์เนียมีปัญหาขาดแคลนน้ำ ทำให้ต้องปลูกพืชที่ต้องการน้ำน้อยด้วย

    [​IMG]

    แผนผังดาดฟ้าอาคาร

    [​IMG]

    บริษัทไอทีเหล่านี้ส่งเสริมให้พนักงานออกมาคุยงานกันที่ไหนก็ได้ ดังนั้นบนดาดฟ้าก็มีม้านั่งไว้พร้อมสำหรับวงสนทนา

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    มีชิงช้าให้โหนเล่นด้วย แต่เจ้าถิ่นบอกว่ามาปั๊บพังปุ๊บ เลยต้องแปะป้ายไว้ว่า Facilities Hack in Progress (ถ้าเคยติดตามเรื่องของ Facebook จะเห็นคำว่า Hack เยอะมาก เดี๋ยวอ่านไปเรื่อยๆ จะรู้ว่าจริงแค่ไหนครับ)

    [​IMG]

    โรงอาหารของตึกใหม่ครับ ชื่อว่า Full Circle ตกแต่งสวยงาม

    [​IMG]

    ภายในอาคาร Building 20 ก็ตกแต่งแบบ "โกดัง" คือหลังคาสูง ไม่ใส่ฟ้า เห็นท่อและสายไฟทั้งหมด ตามแนวทางการออกแบบของ Facebook ในสมัยแรกๆ ที่ไปอยู่โกดัง จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรไปแล้ว ส่วนการตกแต่งโต๊ะทำงานก็ตามที่เราเห็นกันในสื่อต่างๆ ว่าค่อนข้างให้อิสระมาก ใครจะเอาอะไรมาแต่งโต๊ะก็ได้ (หลายทีมจะให้ลูกโป่งเป็นตัวเลข แสดงจำนวนปีที่มาทำงานที่นี่ หลายคนจึงเอามาแขวนหรือติดไว้แถวๆ โต๊ะ) นอกจากนี้ยังเห็นโต๊ะแบบยืนทำงานเยอะพอสมควรเลย

    เสร็จจากตึกใหม่แล้วกลับมาดูตึกเก่ากันบ้างครับ

    ตัวอาคารหลักของ Facebook ประกอบด้วยอาคารย่อยหลายตึก ตั้งรวมกันเป็นกลุ่ม รอบนอกเป็นพื้นที่จอดรถของพนักงาน ส่วนวงด้านในตึกจะเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและโรงอาหาร ซึ่งเราจะพาไปชมส่วนนี้กันครับ

    [​IMG]

    พื้นที่ด้านในให้ความรู้สึกเหมือนแคมปัสของมหาวิทยาลัย การตกแต่งใช้สีสันสดใส มีต้นไม้และที่นั่งอยู่ภายนอกอาคาร

    [​IMG]

    [​IMG]

    โรงอาหารหลักของ Facebook ใช้ชื่อว่า EPIC ครับ เขียนอยู่บนตึกเลย

    [​IMG]

    นอกจากโรงอาหารหลักแล้ว ยังมีร้านอาหารย่อยๆ ที่เรียกว่า concept store หรือ pop-up store ด้วย โดยร้านเหล่านี้จะมีอาหารเฉพาะบางประเภท (เช่น บาร์บีคิว อาหารอินเดีย อาหารอิตาลี) ให้บริการเท่านั้น บางร้านก็ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่โดยทั่วไปแล้วฟรีหมด

    [​IMG]

    ตู้แปลกๆ ที่หน้าตาเหมือนตู้โทรศัพท์นี้

    [​IMG]

    แท้จริงแล้วมันคือตู้หนังสือครับ มาหยิบไปอ่านได้ หรือถ้าแนวมาก จะยืนอ่านในตู้ก็ได้ไม่ว่ากัน

    [​IMG]

    Facebook ส่งเสริมกิจกรรมเสริมของพนักงาน โดยจะมี "ช็อป" ให้เรามาฝึกทักษะอาชีพหลายอย่างแล้วแต่ความสนใจ อันนี้เป็นตัวอย่างของ Facebook Analog Lab ให้พนักงานมาฝึกทักษะทำของที่ไม่ใช่ดิจิทัล เช่น งานไม้ ทำเฟอร์นิเจอร์ โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญสอน มีระบบเข้าคอร์สเรียน เก็บ badge ว่าเรามีทักษะนี้ติดตัวแล้วด้วย เป็นเรื่องเป็นราวมาก (รายละเอียดอ่านกันเองตามลิงก์)

    [​IMG]

    ช็อปอื่นๆ ที่เดินผ่าน อันนี้ Transit Hub หรือร้านซ่อมจักรยาน

    [​IMG]

    บริการอื่นๆ สำหรับพนักงาน Life@Facebook ให้การสนับสนุนการใช้ชีวิตของพนักงาน เช่น หาบ้านพัก หาพี่เลี้ยงเด็ก ฯลฯ เป้าหมายคือช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีความสุข ผลงานจะได้ออกมาดี

    [​IMG]

    คลินิกทำฟัน

    [​IMG]

    บรรยากาศภายในโรงอาหารครับ มาตอนพักเที่ยงคนเยอะทีเดียว

    [​IMG]

    หน้าตาอาหารของ Facebook เป็นเช่นนี้

    [​IMG]

    ผมค่อนข้างโชคดีที่ไป Facebook ในวันที่ 4 พฤษภาคม (Star Wars Day) อาหารเลยมีธีมเล็กน้อย ตั้งชื่อตามตัวละครใน Star Wars ถือเป็นลูกเล่นสนุกๆ คลายเครียดได้บ้าง

    [​IMG]

    อาหารเที่ยงวันนั้น ขอบคุณ Facebook ครับ

    [​IMG]

    นอกจากอาหารหนักแล้วยังมีขนม โดย Facebook มีร้านขนมแยกพิเศษ มีเค้ก เบเกอรี่ ไอติม และ frozen yogurt ให้กินไม่อั้น

    [​IMG]

    กินเสร็จแล้วได้เวลาเล่น อันนี้คือห้องเล่นเกม ที่ใช้ชื่อว่า Arcade

    [​IMG]

    บรรยากาศภายใน จริงๆ มีหุ่น Lara Croft ขนาดเท่าคนจริงตั้งอยู่ด้วยแต่ไม่ได้ถ่ายมา

    [​IMG]

    ภายใต้ตึกสำนักงานหลังหนึ่ง (ที่ผมจำเลขไม่ได้แล้ว) มีวอลล์ขนาดใหญ่ แสดงข้อมูลสถิติแบบเรียลไทม์ครับ กดดูได้ว่าประเทศไหนมีคนใช้งาน Facebook เท่าไรบ้าง ของบ้านเราแตะ 30 ล้านคนต่อเดือนแล้ว

    [​IMG]

    ถ้าวอลล์อันเมื่อกี้มันดูไฮเทคไป เขาก็มีของย้อนยุคให้เล่น เป็นการจำลองหน้าจอซื้อโฆษณาของ Facebook มาอยู่ในรูปกล่องควบคุมไม้อัด เราสามารถลองบิดเปลี่ยนค่ากลุ่มเป้าหมาย แล้วจะมีตัวเลขขึ้นมาว่า Potential reach เท่าไรกัน (เท่สุดๆ)

    [​IMG]

    เนื่องจากทีม Instagram ก็นั่งทำงานอยู่ในแคมปัสนี้ด้วย บางส่วนจึงมีของ Instagram ให้ดูด้วยครับ (จริงๆ ทีม Oculus ก็ย้ายเข้ามาแล้ว แต่ไม่ได้มีของมาโชว์แบบนี้)

    [​IMG]

    จุดถ่ายรูปยอดฮิต ห้องทำงานเอียงของ Instagram ให้แขกเหรื่อมาถ่ายรูปเล่นกัน

    [​IMG]

    เขามาถ่ายฉลอง Instagram มีผู้ใช้ 300 ล้านคนกันแถวๆ นี้แหละ


    Facebook มี Store ขายของที่ระลึกด้วย มีพวกหมวก เสื้อ สมุดโน้ต อะไรแบบนี้ครับ

    [​IMG]

    ค้นพบ Facebook Watch หลบซ่อนอยู่ละแวกนี้

    [​IMG]

    บรรยากาศที่เหลือเป็นสารพัดการ Hack ที่พบเจอครับ

    [​IMG]

    ตู้กดอุปกรณ์ พวกเมาส์ คีย์บอร์ด สายชาร์จ พนักงานมากดได้ฟรี แต่มีราคาบอกไว้เพื่อไม่ให้ใช้กันฟุ่มเฟือย

    [​IMG]

    พื้นของแคมปัส เป็นคำว่า Hack โดยจากภาพจะเห็นตัว CK

    [​IMG]

    ปิดท้ายด้วยป้ายของ Facebook อันเดียวกับรูปแรกของบทความนี้ จริงๆ แล้วเป็นป้ายเก่าของ Sun Microsystems ที่ตั้งอยู่ตรงนี้ (แล้ว Facebook มาซื้อพื้นที่ใช้ต่อ) ได้ยินมาว่าผู้บริหาร Facebook ตัดสินใจใช้ป้ายอันเก่าของ Sun ด้วยเหตุผลว่าต้องการสร้างวัฒนธรรมการประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ และเหตุผลอีกประการคือเตือนใจพนักงานให้ระลึกว่า บริษัทที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนในอดีต ถ้าปรับตัวไม่ทันก็ต้องตายอยู่ดี

    [​IMG]

    โดยสรุปแล้ว การมาเยือนสำนักงานใหญ่ของ Facebook น่าประทับใจมากในแง่วัฒนธรรมการทำงานของบริษัท ที่เน้นบรรยากาศสบายๆ ไม่มีพิธีรีตอง และเน้นความสนุก กระตุ้นให้ทุกคนมาทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง โดยที่พนักงานทุกคนก็ทราบดีว่างานที่ตนกำลังทำอยู่นั้นมีผลกระทบ สร้าง impact ต่อคนจำนวนมหาศาลทั่วโลกครับ

    สำหรับคนที่อ่านจบแล้วมีแรงบันดาลใจ อยากมาทำงานกับ Facebook ผมคุยกับคนไทยที่ทำงานอยู่ที่นี่ พบว่าอุปสรรคสำคัญไม่ใช่เรื่องฝีมือหรือภาษา (แต่ระดับทักษะพวกนี้ต้องถึงขั้นอยู่ดีนะ เขาถึงจะรับ) แต่เป็นเรื่องวีซ่าเข้ามาทำงานในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นถ้าอยากมาจริงๆ ควรมาเรียนต่อปริญญาโท/เอกที่นี่ แล้วเรียนจบค่อยมาสมัครจะง่ายกว่ากันมาก (ไว้มีโอกาสจะสัมภาษณ์คนไทยใน Facebook มาให้อ่านกันครับ)

    สุดท้ายก็ขอขอบคุณทางทีมคนไทยใน Facebook ที่พาเข้าไปเยี่ยมชมสำนักงานไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย และน่าจะเป็นประโยชน์กับสมาชิก Blognone อีกไม่น้อยทีเดียว

    Special Report, Facebook
     

แบ่งปันหน้านี้