บีโอไอคาดประชุมบอร์ดนัดแรกสัปดาห์นี้ เร่งอนุมัติโครงการลงทุนค้างท่อกว่า 7 แสนล้าน ประธาน ส.อ.ท.เชื่อหลังมีบอร์ดใหม่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นการลงทุนต่างชาติ หนุนใช้มาตรการส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ "ประยุทธ์"วางกรอบเน้นส่งเสริมอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ใช้วัตถุดิบในประเทศ มีเทคโนโลยีขั้นสูง หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการ พร้อมกรรมการอีก 17 คน นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่าการตั้งคณะกรรมการบีโอไอชุดใหม่ขึ้นมา เชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น และสามารถดึงเงินลงทุนเข้ามาไทยได้ หากบอร์ดบีโอไอสามารถอนุมัติโครงการได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีข้อติดขัด อย่างไรก็ตาม วันนี้ (9 มิ.ย.) ตนจะประสานไปยังคสช. เพื่อกำหนดการประชุมบอร์ดที่ชัดเจนอีกครั้ง คาดว่าการประชุมครั้งแรกจะต้องมีวาระตั้งอนุกรรมการบีโอไอ เพื่อให้การทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากกรรมการชุดนี้มีหลายคนที่ใหม่ ยังไม่เคยอยู่ในบอร์ดบีโอไอมาก่อน และหากมีเวลาก็จะนำเรื่องที่ผ่านการกลั่นกรองของอนุกรรมการบีโอไอชุดก่อนหน้านี้ ซึ่งมีมูลค่าลงทุนรวมแสนกว่าล้านบาทให้บอร์ดพิจารณาด้วย 700โครงการรออนุมัติจากบอร์ดบีโอไอ ที่ผ่านมา พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช. ฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ให้นโยบายว่าหลังจากตั้งบอร์ดบีโอไอแล้วจะต้องอนุมัติโครงการที่ค้างการอนุมัติอยู่ทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน หากจะให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้จะต้องมีการประชุมบอร์ดทุกสัปดาห์ ขณะนี้มีโครงการทุกประเภทที่รอการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนอยู่แล้วประมาณ 700 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 7.6 แสนล้านบาท แต่หากเป็นเฉพาะโครงการที่ต้องผ่านการกลั่นกรองของอนุกรรมการบีโอไอ ก่อนส่งให้บอร์ดชุดใหญ่มีอยู่ประมาณ 400 โครงการ มูลค่าลงลงทุนประมาณ 7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ บริการจำพวกขนส่ง และโรงไฟฟ้า โรงงานปิโตรเคมี เป็นต้น หากแบ่งเป็นโครงการที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านบาท มีอยู่ประมาณ 200 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท และโครงการที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1 พันล้านบาท มีอยู่ประมาณ 500 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมกว่า 5 แสนล้านบาท "ประยุทธ์"ย้ำต้องเป็นโครงการที่ทำได้ ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ให้แนวทางการดำเนินงานของบอร์ด บีโอไอ ผ่านทางรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ว่าการขออนุญาตส่งเสริมการลงทุนนั้น การพิจารณาดำเนินการต้องเพิ่มมาตรการต่างๆ เพิ่มขึ้น ไม่ใช่จะอนุมัติ 7 แสนล้านบาททีเดียว ได้ให้แนวทางน่าจะมีมาตรการต่างๆ เพิ่มขึ้น ใครทำได้ก็อนุมัติก่อน เช่น การใช้พลังงานทดแทน การประหยัดพลังงาน การสร้างงานสร้างอาชีพรายได้ให้กับคนไทย ผลประโยชน์ที่เป็นธรรมให้กับรัฐ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะต้องพิจารณาอันดับแรก การสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ นอกจากนี้ ต้องเป็นอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์สร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุดให้กับวัตถุดิบไทย มีการผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมีราคาแพง ลดการพึ่งพาต่างชาติ และต้องถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ประกอบการไทย ใครทำได้ก็จะได้รับการพิจารณาก่อน คาดประชุมบอร์ดบีโอไอนัดแรกสัปดาห์นี้ นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะบอร์ดบีโอไอ กล่าวว่า บีโอไอจะประสานคณะกรรมการทั้งหมด เพื่อให้มีการประชุมบอร์ดบีโอไอ ได้เร็วที่สุด ซึ่งน่าจะมีการประชุมภายในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ เลขาธิการบีโอไอ เร่งเตรียมข้อมูลการอนุมัติโครงการต่างๆ เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคาดว่าจะผ่านการพิจารณาโครงการที่ค้างอยู่มูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท ได้ทั้งหมดภายใน 2 เดือน ส่วนมาตรการส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ จะนำเสนอที่ประชุมให้พิจารณาว่า จะเดินหน้าบังคับใช้ในเดือนม.ค. 2558 เลยหรือไม่ ซึ่งในมาตรการส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่นี้ จะให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมากขึ้น โดยได้แบ่งเอสเอ็มอีออกเป็น 39 ประเภท เพื่อให้การส่งเสริมได้อย่างตรงจุด และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งตรงกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจของ คสช. อยู่แล้ว ส.อ.ท.หนุนใช้มาตรการส่งเสริมฉบับใหม่ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าสิ่งที่บอร์ดบีโอไอ จะต้องเร่งดำเนินการคือการเร่งพิจารณาโครงการที่รออนุมัติการส่งเสริมการลงทุน โดยจะเร่งตั้งคณะอนุกรรมการบีโอไอ เพื่อให้สามารถอนุมัติโครงการที่มีมูลค่าการลงทุนตั้งแต่ 200-750 ล้านบาทได้ทันที และสามารถกลั่นกรองโครงการที่มีมูลค่าเกิน 750 ล้านบาท เสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดบีโอไอได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของคสช. ที่จะเร่งอนุมัติโครงการที่ค้างอยู่ให้ผ่านกระบวนการไปย่างรวดเร็ว เพื่อให้ต่างชาติมีความมั่นใจในไทยมากขึ้น ส่วนมาตรการส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ ที่ได้วางแผนว่าจะนำมาใช้ในต้นปี 2558 จะต้องนำเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาว่าเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในช่วงนี้หรือไม่ ส่วนตัวมองว่าน่าจะนำมาประกาศใช้ในกรอบเวลาเดิมคือวันที่ 1 ม.ค. 2558 เพื่อดึงดูดโครงการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยมากขึ้น สำหรับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ ประกอบไปด้วย 1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นประธานกรรมการ 2. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช. ฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นรองประธานกรรมการ ส่วนกรรมการประกอบด้วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดึง"เทวินทร์"ร่วมบอร์ดบีโอไอ ส่วนที่ปรึกษาบอร์ดบีโอไอ คือนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย นางเพ็ญทิพย์ พรจะเด็ด นายกสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย นายภัคพล งามลักษณ์ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และ นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการชุดนี้ มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 ประกาศ ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา Tags : ส.อ.ท. • การลงทุน • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา • คสช. • อุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย • บีโอไอ • เศรษฐกิจ