เอกสารลับของ Edward Snowden ที่เปิดเผยออกมาเริ่มส่งผลอย่างชัดเจน ในปีที่ผ่านมาเราเห็นบริษัทต่างๆ ออกมาตรการการเข้ารหัส ทั้งการเข้ารหัสหน้าเว็บเพื่อป้องกันการดักฟังการสื่อสารจากผู้ใช้มาถึงเซิร์ฟเวอร์ และการเข้ารหัสการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ด้วยกันเอง ตอนนี้เจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ เองก็ออกมายอมรับว่าผลของเอกสารเหล่านี้ส่งผลในทุกระดับ ทั้งการขอความร่วมมือที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่เคยได้รับความร่วมมือ และการคำสั่งตามกฎหมายที่บริษัทต่างๆ เริ่มใช้กระบวนการต่อสู้จากเดิมที่ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี Eric Grosse หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของกูเกิลออกมาให้สัมภาษณ์ระบุว่าเขาเองยินดีให้ความร่วมมือเพื่อการป้องกัน แต่การดักฟังเพื่อหาข่าวกรองไม่อยู่ในสิ่งที่ให้ความร่วมมือได้แน่นอน ขณะที่กูเกิลเองก็เริ่มวางสายเคเบิลใต้น้ำด้วยตัวเองแล้ว แม้การวางสายเคเบิลจะมีเหตุผลในเชิงธุรกิจว่าคุ้มว่าการเช่าเคเบิลจากบริษัทอื่นๆ แต่ก็เป็นไปได้ว่ากูเกิลก็เริ่มไม่แน่ใจว่าการเช่าสายเคเบิลจากบริษัทอื่นจะเป็นส่วนตัวจริงหรือไม่ ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าบริษัทที่ NSA ใช้ดักฟังคือ Level 3 ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟเบอร์รายใหญ่ บริษัทต่างๆ รวมถึงบริษัทสื่อสารอย่าง AT&T และ Vodafone มีเหตุผลชัดเจนที่จะไม่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานข่าวกรองอีกต่อไป เพราะการดักฟังเป็นวงกว้างทำให้บริการเหล่านี้อาจจะถูกถอดใบอนุญาตในหลายประเทศ รวมถึงความนิยมของผู้ใช้เองก็อาจจะหันไปเลือกผู้ให้บริการรายอื่นๆ แทน Robert S. Litt ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (The Office of the Director of National Intelligence - DNI) ออกมายอมรับว่าบริษัทต่างเริ่มหยุดให้ความร่วมมือที่เคยให้มาก่อนหน้านี้ พร้อมกับแสดงความเป็นห่วงว่าหากเหตุการณ์ยังเป็นเช่นนี้ งานข่าวกรองจะไม่สามารถหาข่าวกรองได้พอที่จะป้องกันประเทศ ที่มา - The New York Times Privacy, USA, Edward Snowden