รายการ Ringside สังเวียนหุ้น ทางสถานีโทรทัศน์ NOW26 ตอน "ก้าวสำคัญของ PTTEP ในเวทีโลก" เดินหน้าเกาะติดการขยายการลงทุนของ ปตท.สผ. รายการ Ringside สังเวียนหุ้น ทางสถานีโทรทัศน์ NOW26 ตอน "ก้าวสำคัญของ PTTEP ในเวทีโลก" เดินหน้าเกาะติดการขยายการลงทุนของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. หลังเดินหน้าลงทุนทั่วโลกเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) กล่าวว่าธุรกิจพลังงานในเครือ ปตท.ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีสายโซ่ที่ค่อนข้างยาว และมีธุรกิจครอบคลุมที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยในส่วนของ ปตท.สผ.นั้น ถือเป็นธุรกิจต้นน้ำที่ทำงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมขายต่อให้บริษัทแม่อย่าง ปตท.และบริษัทอื่นๆ เพื่อนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานอื่นๆ "บริษัทชั้นนำระดับโลกอาจจะไม่ได้แยกสายธุรกิจออกมาเป็นบริษัทลูก แต่ด้วยความที่แรกเริ่ม ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ จึงต้องมีการขยายธุรกิจไปยังบริษัทลูกอื่นๆ และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ โดยเราถือว่าเป็นบริษัทต้นนำ และมีปตท.ซึ่งเป็นบริษัทแม่เป็นบริษัทกลางน้ำ ซื้อวัตถุดิบจากเราไปแยกและขายต่อให้กับบริษัทปลายน้ำอีกที" นายเทวินทร์ อธิบาย หาแหล่งใหม่พลังงานใหม่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. กล่าวต่อว่า ด้วยความที่ธุรกิจของ ปตท.สผ.เป็นธุรกิจต้นน้ำ จึงจำเป็นที่ต้องหาแหล่งพลังงานใหม่ๆ เข้ามารองรับการใช้ที่มีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในจุดนี้ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมากของเรา ทั้งนี้ การจะลงทุนในโครงการใดๆ เราจะพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนมาก เพราะการลงทุนแต่ละครั้งเป็นการลงทุนที่มหาศาล ดังนั้นผลตอบแทนที่เราจะได้รับย่อมต้องมากกว่ามูลค่าที่บริษัทได้ลงทุนไป สำหรับการหาแหล่งพลังงานแหล่งใหม่ บริษัทต้องอาศัยนักวิชาการในการวิเคราะห์พิจารณา เพราะสิ่งที่เราต้องการคือสิ่งที่อยู่ใต้ดินลึกกว่า 3 กิโลเมตรลงไป จึงต้องมีการตรวจสอบแหล่งเหล่านั้นก่อนลงทุนว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ "เราเป็นบริษัทต้นน้ำ ผลิตเท่าไรก็ขายได้ทั้งหมด เพราะประเทศเราต้องนำเข้าพลังงาน ดังนั้นสิ่งที่ท้าทายที่สุด คือ การแหล่งพลังงานใหม่ๆ เพื่อมาเสริมความแข็งแกร่งด้านพลังงานให้กับประเทศของเรา" นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า การจะหาแหล่งพลังงานใหม่ ไม่ใช่ว่าเราจะเดินไปตกลงซื้อเลย เราต้องมองหลายอย่าง ทั้งต้นทุนและความคุ้มค่า ซึ่งถือเป็นสิ่งแรกที่เราต้องพิจารณา จากนั้นจึงดูถึงความมั่นคงของประเทศหรือภูมิภาคนั้นๆ ว่าให้ความสำคัญกับบริษัทที่ไปลงทุนมากน้อยแค่ไหน กฎหมายเปลี่ยนแปลงบ่อยหรือไม่ มีเสถียรภาพทางความมั่นคงมากน้อยเพียงใด และแหล่งนั้นมีใครลงทุนอยู่ก่อนบ้าง "เราต้องพิจารณาทั้งหมดประกอบกัน ก่อนที่จะเลือกลงทุน เพราะเงินลงทุนค่อนข้างสูงมาก จึงต้องรอบคอบอย่างที่สุด" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ.ย้ำ เติบโต-ยั่งยืน-คุ้มค่า นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า ปรัชญาในการทำธุรกิจของบริษัทเราจะเน้นที่ BIG LONG STRONG โดยในส่วนของธุรกิจ BIG คือ กำลังการผลิตของบริษัทจะต้องมีการเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่เรามีกำลังการผลิตอยู่ที่ 329,000 บาร์เรลต่อวัน เราตั้งเป้าที่ 600,000 บาร์เรลต่อวันในปีค.ศ.2020 ส่วน LONG คือ ความยั่งยืนของปริมาณสำรอง โดยขณะนี้เรามีปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วอยู่ประมาณ 7 ปี โดยเราตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีปริมาณสำรองให้เพียงพอต่อการใช้ยาวนานถึง 10 ปี และ STRONG คือ ผลตอบแทนทางการลงทุนที่คุ้มค่า และความน่าเชื่อถือของธุรกิจเราจะต้องอยู่ในระดับดีที่สุด ขณะที่ในฝั่งขององค์กร คือ องค์กรเราต้องเก่งและแกร่ง มีธรรมาภิบาลในการทำงาน น่าเชื่อถือ มีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม คือ ธุรกิจของเราต้องไม่กระทบกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้เคียง แต่ต้องมีการพัฒนาให้ชุมชนที่อยู่รอบธุรกิจของเรามีการพัฒนาที่ดีขึ้นแทน หุ้นพลังงาน : ลงทุนระยะยาว นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า หากมองเรื่องการลงทุนในธุรกิจพลังงานของไทย ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีมาร์เก็ตแคปมากที่สุดของตลาดหลักทรัพย์ เป็นธุรกิจใหญ่ที่มีความมั่นคง เพราะถือเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชนเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมาราคาของหุ้นพลังงานอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงหวือหวามากนัก แต่ก็มีการปรับขึ้นเพื่อสะท้อนราคาที่แท้จริงไปบ้างแล้ว จากการวิเคราะห์มองว่าหุ้นพลังงานไม่เหมาะที่จะลงทุนในระยะสั้น แต่เป็นหุ้นที่ควรถือลงทุนในระยะยาว และเป็นหุ้นที่มีปันผลเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ "ถ้าถามเรา เราอันเดอร์เวทหุ้นพลังงาน แต่ถือว่าเป็นหุ้นที่เหมาะลงทุนในระยะยาว ถ้าเป็นหุ้นพลังงานที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจปลายน้ำเราให้โอเวอร์เวท เพราะถือว่ายังมีความน่าสนใจ โดยหากจะลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานต้องพิจารณาเป็นรายตัวไป แต่ในช่วง 3-5 ปีจากนี้ หุ้นในกลุ่มพลังงานยังถือว่าเป็นขาขึ้น เพราะมองว่าความต้องการน้ำมันและพลังงานยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าปรับขึ้นต่อเนื่องด้วย" นายวิน ระบุ มั่นใจหุ้นไทยยังเป็นขาขึ้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า จากสถานการณ์การเมืองที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับความเคยชินของนักลงทุน ส่งผลให้เกิดแรงซื้อกลับในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างแรง และมองว่าดัชนียังเติบโตได้อีกแน่นอน ทั้งนี้มองว่าหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงต่อไป ได้แก่ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากสินเชื่อที่มีแนวโน้มเร่งตัวสูงขึ้น หลังจากที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จากความเชื่อมั่นของทั้งภาคเอกชนและภาคธุรกิจที่กลับมาอีกครั้งหลังจากที่ปัจจัยการเมืองค่อนข้างชัดเจน และกำลังซื้อของประชาชนในประเทศที่ทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมทั้งกลุ่มส่งออก ไม่ว่าจะเป็นเกษตรและอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ จากอานิสงส์ของเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ "ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยอาจย่อตัวลงบ้างในระหว่างทาง (Correct) จากแรงเทขายเพื่อทำกำไร หลังจากที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงและเร็ว หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายและหาบทสรุปได้ค่อนข้างชัดเจน ก่อนที่จะมีทิศทางปรับตัวขึ้นอีกครั้งในระยะถัดไป เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งและเริ่มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ภาวะการฟื้นตัว" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าว Tags : เทวินทร์ วงศ์วานิช • ปตท.สผ.