หนุ่ม 'ฌอห์ณ' แจงล่าสุดที่ช่วยเด็กเป็นลม บอกอยู่หน้าตนพอดี ปัดไม่ได้สร้างกระแส เชื่อว่าถ้าทุกคนเจอเหตุการณ์ต้องทำแบบนี้ กระแสหนังสือการตอบรับดี เร่งทำอีก 2-3 หมื่นเล่ม นักแสดงหนุ่มที่กระแสค่อนข้างแรงในขนาดนี้ "ฌอห์ณ" จินดาโชติ มาชี้แจงถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า วันหนังสือ ที่เจ้าตัวได้ดูแลแฟนคลับที่เขาแถวรอหนังสือพร้อมลายเซ็นจาก "ฌอห์ณ" ล่าสุดได้มีโอกาสถามเหตุการณ์ในวันนั้น ในงาน "กิจกรรมรณรงค์ประหยัดพลังงาน" "ฌอห์ณ" บอกว่า "คือมาจากงานสัปดาห์หนังสือ พอดีสำนักพิมพ์เขาให้ผมไป เพราะหนังสือขายหมด มันเป็นข่าวดีที่นักอ่านจำนวนมากให้การสนับสนุนหนังสือเล่มนี้ อยู่ดีๆ มันหมดทั่วประเทศ หนังสือถูกจองภายในเวลาครึ่งชั่วโมง จำนวน 500 เล่ม" เป็นหนังสือของฌอห์ณใช่ไหม "ใช่ครับ มันก็เลยอยากไป พอไป ผมก็ตกใจเพราะว่าคนที่มารอต่อแถวเกือบ 900 ชีวิต เยอะมาก ผมเลยนัดกับผู้จัดการ 1-2 ชั่วโมง แต่มันเลย ประมาณ 7-8 ชั่วโมง แล้วผมเห็นเด็ก น่าจะมารอตั้งแต่เช้า ข้าว น้ำอาจจะยังไม่ได้กิน จังหวะที่แอร์มันคงทำงานไม่พอแล้ว เพราะน้องมานั่งหน้ามืด พอดีผมนั่งอยู่ข้างหน้าระดับสายตา มองสักพักนึง เขาดูแบบเป็นอะไร เราเลยถามกับพี่เขา พี่เขาก็บอกว่าน้องจะเป็นลม ก็เลยเดินออกมาหาเขา แล้วบอกให้ออกมาก่อนไหม มารับลายเซ็นก่อนไหม ไม่เป็นไร ไม่มีใครว่า เพราะมันเป็นงานพี่ พี่อนุญาตได้ ด้วยน้องเขาบอก ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวโดนตำหนิ เราก็เลยบอกกับผู้อ่านหลายๆ คน ว่า ขออนุญาตให้เขาออกมาก่อน แล้วผมจะเร่งคนอื่นให้ คนนี้เขาคงไม่ไหว ด้วยผู้อ่านคนอื่นน่ารัก เขาบอก เอาเลยค่ะ อากาศมันอบอุ่นด้วยไงครับ ก็เลยคิดว่านั่งยังไงให้ได้นาน ผมก็เลย อย่างที่ภาพเห็นและครับ สลับเก้าอี้ให้เขา ที่จริงเก้าอี้อีกตัวนึงก็อยู่ใกล้เขา แต่ด้วยสติตอนนั้นคือ ทำอะไรได้ก็ทำก่อน แล้วก็เอาน้ำอะไรมาให้เขากิน" ตอนนี้น้องเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม "ไม่ได้เป็นอะไรครับ เหมือนคนหน้ามืด ด้วยบรรยากาศแบบนี้แล้วน้องเขา คงไม่ได้กินข้าวกลางวันด้วย" น้องเขาว่าไงบ้าง "เขาตกใจ คือผมไม่ได้คุยกันเยอะ คือผมก็ถามว่า อยากให้ผมทำอะไร เซ็นตรงไหน แต่เรากลับมาบ้านหลัง 3-4 ทุ่ม นอน ตอนเช้ามีข่าวเราออกมา ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าเป็นภาพ หรือการถ่ายภาพเยอะขนาดนั้น ก็เป็นเรื่องน่าดีใจ ที่คนมาเยอะครับ ผมดีใจที่หนังสือเราพิมพ์สูงสุดได้ขนาดนี้ ไม่ได้คิดจะเป็นบวกๆ ขนาดนี้" ตอนนี้เลยมีกระแสว่า พี่ฌอห์ณ เป็นพระเอกทั้งหน้าจอแล้วนอกจอเลย "ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เราเป็นพระเอกก็แค่สถานะในการทำงาน อาจจะเป็นพระรองแล้วมาเป็นตัวร้าย ทุกคนเป็นพระเอกได้เหมือนกัน อยู่ที่จุดประสงค์ของการทำและทุกคนก็เอาไปแชร์ มันง่ายนิดเดียว คือ ถ้าคุณทำดี ไม่ว่าจะมีคนเห็นหรือไม่มีคนเห็น ตัวคุณรู้ ตัวผู้รับก็รู้ แล้วก็สิ่งที่จะอยู๋ไปนานที่สุด การที่เขารับรู้ในเจตนารมณ์ที่ดี วันนึงคุณอาจไปช่วยคนที่โดนรถชน มันก็เป็นการแชร์เน็ตเหมือนกัน ผมว่าคนไทยอยากจะเสพข่าวดีๆ บ้าง ข่าวแบบนี้มันเหมือนกับการให้กำลังใจคน" เขินไหมที่มีคนชมขนาดนี้ "ทุกวันนี้ผมถูกตอบรับจากกระแสละคร หรือกระแสที่มีคนมาชื่นชมผม ในทั้งตัวเราและครอบครับ วันนี้ผมไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ ไม่คิดว่าคนติดตามจะเยอะขนาดนี้ มันเป็นสิ่งที่ดีครับ และเราต้องรู้จักการระมัดระวังตัวมากขึ้น คนจับตามองมากขึ้น มาดูอดีตมากขึ้น สิ่งสำคัญเราจะพูดจาอะไรก็ต้องระวังตัวมากขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อน ที่เราจะเดินตัวปลิวไปไหนมาไหนก็ได้" มีคนแชร์คลิปยอดติดตามก็เพิ่มขึ้นเลยหรอ "ใช่ครับ เพราะผมไม่ได้สนเรื่อง IG เราก็ลงตามรูปในละคร เราก็อินกับตัวละคร เราก็ลงไป มันก็จะมีเว็บที่เช็กยอดติดตามของใครเพิ่มในแต่สัปดาห์ อยู่ดีๆ แฟนคลับก็บอกว่าเราติดอันดับหนึ่ง มาสามสัปดาห์ ยอดที่เพิ่มเกือบเจ็ดหมื่น ตอนนี้มาแสนหนึ่ง ผมก็เลยรู้สึกขอบคุณทุกคนมากเลยครับที่ติดตาม" หลายคนคิดว่าสร้างภาพหรือเปล่า "ผมก็ไม่รู้นะครับ ต่างครอบครัวต่างความคิด เขาก็บอกเห็นกล้องหรือเปล่า หันไปยิ้มให้กล้องด้วย อันนั้นผมก็ไม่ทราบจริงๆ แต่ผมเชื่อว่าทุกคนถูกปลูกฝังมาแบบนี้ ใครล้มป่วยเจ็บไข้อยู่ตรงหน้า คงไม่มีมายืนล้วงกระเป๋าแล้วก็ยิ้มๆ หรอกครับ" แฟนคลับได้โพสต์ข้อความบอกว่า หนังสือหมดแล้วจะทำอย่างไร "ครับ ตอนนี้ได้มีการสั่งเพิ่มแล้ว หลังสงกรานต์ประมาณ 20,000-30,000 กว่าเล่ม ก็จะตีพิมพ์ และผมก็คุยกับทีมงานว่า จะตอบแทนทุกคนที่อ่านโดยการ ทำหน้าปกใหม่แล้วผมก็จะมีบทแทรกใส่เขาไปเป็นบทที่เริ่มคิดได้ เพื่อใครอยากได้เพิ่มเติม" รู้สึกอย่างไรบ้างที่หนังสือเกินเป้าหมาย "ดีใจอยู่แล้วครับ ผมไม่ได้ขาดคิดมาก่อน ก่อนหน้านี้ ผมไม่ได้คิดว่า กระแสคำติชมมันเยอะ คนเห็นว่าเราเหมาะสมก็มี แต่เราแค่ทำหน้าที่ตามที่เราได้รับมอบหมาย และให้กำลังคนร่วมทีม ว่า เราใหม่กันหมด เราต้องผ่านตรงนั้นไปให้ได้ครับ"