หุ้นใหญ่'บิวตี้'โยนบิ๊กล็อต10%

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 6 มิถุนายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    บิวตี้ทำรายการบิ๊กล็อต 30 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% มูลค่า 555 ล้านบาท โดยขายให้กองทุนต่างชาติ ราคา 18.50 บาทต่ำกว่าราคากระดานหลัก12%

    รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า วานนี้ (5 มิ.ย.) ในกระดานซื้อขายรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) พบว่ามีการทำรายการของหุ้นบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) 30 ล้านหุ้น หรือ 10% ของทุนชำระแล้ว 300 ล้านหุ้น โดยมีการทำ 4 รายการ ได้แก่ ครั้งที่ 1 จำนวน 2,250,000 หุ้น ครั้งที่ 2 จำนวน 26,250,000 หุ้น รายการที่ 3 จำนวน 1,000,000 หุ้น และรายการที่ 4 ทำจำนวน 500,000 หุ้น ทุกรายการเทรดในราคาเดียวกันที่ 18.50 บาทต่อหุ้น ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 18.50 บาท มูลค่ารวม 555 ล้านบาท

    ขณะที่การเคลื่อนไหวราคาหุ้นในวันที่มีการทำบิ๊กล็อตปรับตัวลงต่อเนื่อง แต่วานนี้ปิดตลาดที่ราคา 21.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 2.82 % โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 598.3 ล้านบาท

    บริษัทบิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) แจ้งว่า วานนี้ได้รับทราบว่ามีรายการ BIG LOT เกิดขึ้น 30 ล้านหุ้น หรือ 10% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ให้แก่ Franklin Templeton Investments นั้น บริษัทขอชี้แจงให้ทราบว่า รายการ BIG LOT ดังกล่าว เป็นการขายของบุคคลต่อไปนี้ นางธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ ขาย 26.25 ล้านหุ้น หรือ 8.75% ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดเหลือ 12.92% ของทุนชำระแล้ว นางทุเรียน ศรียงค์ ขาย 2.25 ล้านหุ้น หรือ 0.75% คงเหลือหุ้นหลังการขาย 4.99% นางสาวมณสุธาทิพ มลาอัครนันท์ ขาย 1 ล้านหุ้น หรือ 0.33% คงเหลือหุ้น 1%ของทุนชำระแล้ว นายปรัชญา เลวัน ขาย 0.50 ล้านหุ้น หรือ 0.17% คงเหลือหุ้น 1.17% ทั้งนี้ บริษัทยังคงดำเนินงานตามเดิม โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจการบริหารงานภายในแต่อย่างใด

    สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 5 อันดับแรกของบริษัทบิวตี้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายสุวิน ไกรภูเบศ ถือหุ้น 97 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 32.33% นางธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ ถือหุ้น 64,999,800 หุ้น หรือ 21.67% นางทุเรียน ศรียงค์ ถือหุ้น 19,254,400 หุ้น หรือ 6.42% นายประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์ ถือหุ้น 11,200,000 หุ้น หรือ 3.73% และบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 8,674,244 หุ้น หรือ 2.89%

    ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การทำรายการบิ๊กล็อตครั้งนี้ น่าจะเกิดขึ้นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับต้นๆ เป็นคนทำรายการ เพราะถือหุ้นจำนวนมาก ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการบริหารงานของบริษัท เพราะกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ยังถือในสัดส่วนที่สูงพอสมควร จึงเชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของบริษัท

    "รายการบิ๊กล็อตไม่น่าจะมีผลกระทบ ทำให้บริษัทต้องมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของคณะกรรมการ เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเท่านั้น"

    ส่วนบล.ทิสโก้ กล่าวว่า บริษัทบิวตี้ จะได้ผลกระทบจากการเมืองเพียงระยะสั้น เนื่องจากบริษัทขยายสาขาไปต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น หรือมากกว่า 50% และสาขาในกรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบบางโซนเท่านั้น และจะเห็นการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายผ่านช่องทาง Modern Trade และ Beauty Market เพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1 และยังเพิ่มสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาทั้งสิ้น 66 สาขา แบ่งเป็น Beauty Buffet (BB) 31 สาขา Beauty Cottage (BC) 20 สาขา และBEAUTY MARKET (BM) 15 สาขา ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ของบริษัทที่ปีนี้คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 20% แม้บริษัทจะได้รับผลกระทบภาวะทางการเมือง และการใช้จ่ายผู้บริโภค

    "สาเหตุที่มั่นใจว่า รายได้จะเติบโตได้ เนื่องจากบริษัทมีช่องทางการจำหน่ายหลากหลาย จากการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น รวมทั้งขยายไปยังต่างประเทศที่ยังมีโอกาสการเติบโตได้สูง การมีแบรนด์กลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนในแต่ละสินค้าของบริษัท และยังมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2559 อัตรา 20%

    Tags : บิวตี้ • บิ๊กล็อต • นักลงทุนต่างชาติ

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้