เอ็นอีพีฯหนุนคลังลดถือหุ้น

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 6 มิถุนายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ หรือเนป หนุนคลังลดสัดส่วนถือหุ้น เพื่อลดอุปสรรคการเพิ่มทุน ทำให้บริหารงานง่ายขึ้น

    จากนโยบายกระทรวงการคลัง ที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นรัฐวิสาหกิจ 8 แห่ง และบริษัทขนาดเล็กมีโอกาสถูกขายหุ้นมากที่สุดนั้น นายเสกสิทธิ์ เจริญเศรษฐศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรม หรือ NEP เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่ดี หากกระทรวงการคลังปล่อยหุ้นออกมา เพราะการที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะเกิดข้อจำกัดในการระดมทุน และเป็นอุปสรรคในการบริหารงาน

    "กรณีที่กระทรวงการคลังถือหุ้นบริษัทต่างๆ ซึ่งทำให้มีข้อจำกัด เนื่องจากกระทรวงการคลังไม่มีนโยบายเพิ่มทุน แต่บริษัทต้องการเงินเพื่อนำไปขยายธุรกิจ ที่ผ่านมาหลายบริษัทที่กระทรวงการคลังไม่ลดสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานตกต่ำลงเรื่อยๆ แต่หากมีการลดสัดส่วนการถือหุ้นลง จะเห็นได้เลยว่าผลการดำเนินงานดีขึ้นทันที"

    เขากล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่ให้ความสำคัญกับการลงทุนของบริษัท ทั้งๆ ที่บริษัทมีความจำเป็นต้องขยายกำลังการผลิต และเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ การเพิ่มทุนมีต้นทุนถูกที่สุด โดยมีเพียงส่งตัวแทนเข้ามานั่งในคณะกรรมการบริหาร

    ปัจจุบันการบริหารงานของบริษัท จะอยู่ในรูปของรัฐวิสาหกิจ จึงทำให้มีต้นทุนด้านบุคลากรสูง ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาด้านเงินทุน บริษัทจึงใช้วิธีการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพราะหนี้สินต่อทุน (ดี/อี) ยังอยู่ในระดับต่ำ 0.06 เท่า จากหนี้สินที่มีอยู่ 60 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังมีศักยภาพในการกู้เงินได้มากกว่า 1 พันล้านบาท

    สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานปีนี้ นายเสกสิทธิ์ มองว่า รายได้จะเติบโตจากปีก่อน 30% และพลิกมีกำไรขั้นต้นก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมได้ในภายในปีนี้ คาดจะได้เห็นกำไรสุทธิปีหน้า ขณะเดียวกันบริษัทจะเป็นต้องเพิ่มศักยภาพการผลิต จากเดิมที่ผลิตกระสอบ 300 ตันต่อเดือน ในปี 2556 มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตสิ้นปีนี้เป็น 700 ตันต่อเดือน แม้บริษัทจะมีกำลังการผลิตวัถตุดิบต้นน้ำ 450 ตันต่อเดือน แต่จะเพิ่มเอ้าท์ซอร์สวัตถุดิบเพื่อผลักดันให้กำลังการผลิตถึงเป้าหมาย

    นอกจากนี้ ยังปรับปรุงเครื่องจักรให้ทันสมัย เพื่อลดการสูญเสียจากการผลิตจากเดิม 10-15% ให้เหลือ 5% โดยสัดส่วนของต้นทุนเม็ดพลาสติก 65% แรงงาน 11% อื่นๆ 24%

    นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากการลงทุนในรูปแบบเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร 68% และธุรกิจหลักของบริษัท 32%

    ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศ บริษัทยังให้ความสนใจ และอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ถึงการตั้งโรงงานในพม่า หลังจากที่ต้องหยุดการทำธุรกิจ เพราะมีต้นทุนค่าขนส่งสูงมาก ไม่คุ้มกับการขนส่ง ซึ่งตลาดพม่ายังมีการเติบโตที่ดี และใช้เทคโนโลยีไม่สูงมากนัก คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเข้าไปลงทุนช่วงต้นปีหน้า

    สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมียอดขาย 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 70% รายได้ 78.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% แต่ยังขาดทุนสุทธิ 30.39 ล้านบาท โดยอัตราทำกำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ติดลบ 2% จากเดิมติดลบ 7.5%

    ส่วนสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 อันดับแรก ประกอบด้วย นางสาวนฤพร กาญจนจารี ถือหุ้น 303.99 ล้านหุ้น คิดเป็น 21.02% กระทรวงการคลังถือหุ้น 295.84 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.46% นายณัฐพล จุฬางกูร ถือหุ้น 209.18 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.29 %

    นอกจากนี้ยังตรวจสอบ พบว่า กระทรวงการคลังถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนอีก 8 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ท่าอากาศยานไทย 70% บริษัทบางจากปิโตรเลียม ถือหุ้น 9.98% บริษัท อสมท ถือหุ้น 65.8% บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี ถือหุ้น 16.67% บริษัทผาแดงอินดัสทรี ถือหุ้น 13.81% บริษัท ปตท. ถือหุ้น 51.11% บริษัทการบินไทย ถือหุ้น 51.03% ธนาคารทหาร ถือหุ้น 26.02%

    Tags : เอ็นอีพี • อสังหาริมทรัพย์ • คลัง • รัฐวิสาหกิจ

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้