"ทริส" เผยปัญหาการเมืองยังไม่กระทบเครดิตเรทติ้งบริษัทจดทะเบียน เพราะปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน แต่กำไรไตรมาส 2 เติบโตต่ำตามศก.ที่ติดลบ นายสันติ กีระนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง เปิดเผยว่า สถานการณ์ปัญหาการเมืองในประเทศในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรทติ้ง) ของภาคเอกชนไทย โดยภาพรวมเรทติ้งของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ไม่ได้ปรับเปลี่ยน จะมีการทบทวนมุมมองบ้างบางบริษัท มีทั้งการปรับขึ้น และปรับลดลง แต่การปรับมุมมองก็เกิดจากพื้นฐานธุรกิจของบริษัทนั้นๆ ปัจจุบันทริสมีลูกค้าจำนวน 140 บริษัท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะภาคเอกชนเตรียมที่จะระดมทุนเพิ่ม โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันลูกค้าของทริส ได้มีการออกหุ้นกู้ไปแล้ว 1 แสนล้านบาท ขณะที่ภาพรวมตลาดการออกหุ้นกู้ภาคเอกชน ได้มีการออกหุ้นกู้ไปแล้ว 2 แสนล้านบาท "ภาพรวมเรทติ้งของบจ.ไม่ได้ปรับลดลง เพราะพื้นฐานของธุรกิจและฐานะการเงินไม่ได้ปรับเปลี่ยน สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ มองว่ายังมีโอกาสติดลบต่อเนื่อง เนื่องจากผลกระทบทางการเมือง แต่จากการที่ คสช. ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะมีส่วนให้จีดีพีไตรมาส 3 และ 4 ปรับตัวดีขึ้น ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 คาด จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน" นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า เอเซีย พลัสประเมินเศรษฐกิจทั้งปีของปีนี้จะมีการเติบโต 2% โดยมองว่าในช่วงไตรมาส 2 จะฟื้นตัวจากไตรมาสแรก มาอยู่ที่ระดับ 0.6 % และจะฟื้นตัวแรงในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งประเมินเศรษฐกิจในไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 จะเติบโตในระดับ 2.9% และ 4.8% ตามลำดับ "แม้การคาดการณ์เศรษฐกิจ จะทำในช่วงก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่คงจะไม่มีการปรับคาดการณ์ใหม่ แม้จะมีแผนงานทางเศรษฐกิจออกมาชัดเจนมากขึ้น เพราะมาตรการเศรษฐกิจเหล่านี้ ต้องใช้เวลากว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจริง ประกอบกับการทำตัวเลขครั้งนี้ จัดทำบนพื้นฐานที่ไตรมาส 4 มีการเติบโตค่อนข้างจะสูงมากอยู่แล้ว" สำหรับแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ปีนี้ น่าจะชะลอตัวจากไตรมาสแรก เพราะตามปกติช่วงไตรมาส 2 ผลการดำเนินงานจะออกมาไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดค่อนข้างเยอะ การผลิตของภาคอุตสาหกรรมออกมาไม่ได้เต็มที่ ส่วนกำไรบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มปรับขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ตามภาวะเศรษฐกิจ ส่วนภาพรวมภาวะตลาดวานนี้ (4 มิ.ย.) ดัชนีค่อนข้างแกว่งตัว ปิดตลาดที่ระดับ 1,449.40 จุด ลดลง 4.84 จุด หรือ 0.33% มูลค่าการซื้อขาย 5.13 หมื่นล้านบาทจากการโยกกลุ่มลงทุนของนักลงทุนในประเทศ โดยมีการเปลี่ยนกลุ่มลงทุนตามข่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าลงทุนกลุ่มเช่าซื้อ และสถาบันการเงินขนาดเล็ก หลังมีการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าว และมีการซื้อกลุ่มรับเหมาก่อสร้างตามการผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และหลังมีการประกาศจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ก็เข้าซื้อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และล่าสุดมีการยกเลิกเคอร์ฟิวในจังหวัดท่องเที่ยว ก็เข้าซื้อกลุ่มท่องเที่ยว "ตลาดหุ้นถูกขับเคลื่อนโดยนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พีอี) ตลาดหุ้นไทยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 15.4 เท่า ถือว่าปรับขึ้นมาสูงมาก กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้จึงแนะนำนักลงทุนให้ซื้อขายตามข่าวที่ออกมา มองแนวต้านที่ระดับ 1,460 จุด แนวรับที่ระดับ 1,440 จุด" Tags : สันติ กีระนันทน์ • ทริสเรทติ้ง • การเมือง • บริษัทจดทะเบียน