หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกบริษัท เหตุรับตั้งบอร์ดบีโอไอชุดใหม่ภายในสัปดาห์นี้ หวังปลดล็อกเงินลงทุนก้อนโต การเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2557 ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่ม โดยหุ้นอมตะ(AMATA)เพิ่มขึ้น18.3% หุ้นไทคอน (TICON) 3.80% หุ้นเหมราช (HEMRAJ) 3.28% หุ้นนวนคร (NNCL) 0.90% นายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวนคร (NNCL) กล่าวว่า การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาเป็นบอร์ดบีโอไอภายในสัปดาห์นี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติได้ โดยเฉพาะเมื่อ 2สัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกค้าชาวญี่ปุ่น 3-4 รายที่เคยชะลอการลงทุน ได้ติดต่อเพื่อเตรียมเซ็นสัญญาในการซื้อที่ดินของบริษัท เพราะความชัดเจนในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจะมีการจัดตั้งขึ้นมา น่าจะช่วยผลักดันให้มีการลงทุนมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนสหรัฐและยุโรป ยังไม่มีสัญญาณตอบรับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของกลุ่มดังกล่าวอยู่แล้ว "บอร์ดบีโอไอชุดใหม่น่าจะมาปลดล็อกโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนไว้มูลค่าสูงถึง 6-7 แสนล้านบาท น่าจะช่วยเป็นแรงดันทำให้การเติบโตเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น และเมื่อภาคการลงทุนเกิดขึ้น ก็จะทำให้ภาคเอกชนกล้าตัดสินใจลงทุนและมีผลประกอบการที่ดีและนำภาษีมาชำระคืนให้กับรัฐและก็มีรายได้เข้ามา"กรรมการผู้จัดการกล่าว นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การแต่งตั้งบอร์ด บีโอไอ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ คสช. จะมีการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาทำงานภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้การอนุมัติโครงการที่ของรับการส่งเสริมการลงทุนที่มียอดสะสมสูงถึง 7 แสนล้านบาท สามารถที่จะเดินหน้าได้กระแสดังกล่าว น่าจะเป็นผลบวกต่อการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แต่เนื่องจาก ปัจจุบันราคาหุ้นส่วนใหญ่ได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่มูลค่าตามพื้นฐานแล้วการเข้าไปเก็งกำไรควรทำด้วยความระมัดระวัง โดยตัวเลือกที่ปลอดภัยสุด นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ถ้ามีการเซ็นอนุมัติโครงการ ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมรายหลักอย่างบริษัทอมตะคอร์ปอเรชั่น (AMATA) และบริษัทเหมราช( Hemraj) จะได้รับผลประโยชน์ ด้วยค่าความสัมพันธ์ยอดจองที่ดินของบริษัทอมตะ กับการอนุมัติของBoI อยู่ที่ 85% ในขณะที่บริษัทเหมราช อยู่ที่ 60% มีสมมติฐานยอดขายที่ดิน 1,200 ไร่ สำหรับบริษัทอมตะ และบริษัทเหมราช 1,600 ไร่ ในปี 2557ปัจจัยเสี่ยงสำหรับกลุ่มนี้ คือการมียอดจองที่ชะลอตัวกว่าคาดในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ ความไม่แน่นอนจากปัญหาทางการเมืองทำให้มีการเคลื่อนย้ายการลงทุน รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า บริษัท นวนคร (NNCL) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2557 บริษัทมีผลขาดทุน 15.05ล้านบาท หรือขาดทุน 0.009 บาท/หุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2556 ที่มีกำไร 37.68 ล้านบาท หรือมีกำไร 0.03 บาท/หุ้น ทั้งนี้ นายเสกสิทธิ์ เจริญเศรษฐศิลป์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท นวนคร กล่าวว่า สาเหตุที่ผลประกอบการขาดทุนว่า กำไรขั้นต้นลดลง 23.57 ล้านบาท และกำไรขั้นต้นจากการขายที่ดินลดลง 9.11 ล้านบาท เนื่องจากมีต้นทุนค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 9.98 ล้านบาทขณะที่เงินชดเชยจากการประกันภัยลดลง 40 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2556 ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 14.91 ล้านบาท เกิดจากค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ระบบป้องกันอุทกภัยจำนวนเงิน 9.38 ล้านบาท Tags : ตลาดหุ้น • นิคมอุตสาหกรรม