หุ้นไทยพุ่ง22จุดรับคิวอียุโรป

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 23 มกราคม 2015.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ตลาดหุ้นไทยบวก 22 จุด รับข่าวอีซีบีประกาศใช้มาตรการคิวอี ที่บล.บัวหลวงลุ้นดัชนีสูงสุดปีนี้ 1,675 จุด

    กำไรต่อหุ้นบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ 106 บาทต่อหุ้น พร้อมประเมินราคาน้ำมันดิบจะเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน ขณะตลาดหลักทรัพย์รับปัจจัยเรื่องยุโรปเตรียมดันคิวอีกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นไทยระยะสั้น เหตุนักลงทุนรับรู้ข้อมูลอยู่แล้ว พร้อมเปิดรายชื่อหุ้นติดกลุ่มที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืนไตรมาส 3 ปีนี้ เตรียมจัดทำเป็นกลุ่มดัชนีหากมีบริษัทติดกลุ่ม 35-40 บริษัท

    บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (22 ม.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,560.34 จุด เพิ่มขึ้น 22.98 จุด หรือ 1.49% มูลค่าการซื้อขาย 65,395 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 3,432 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 1,232 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 1,389 ล้านบาท และนักลงทุนภายในประเทศขายสุทธิ 6,053 ล้านบาท

    หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายมากสุด 5 อันดับแรก คือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ปิดที่ 12.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 1.57% มูลค่าการซื้อขาย 4,242 ล้านบาท บริษัท ช.การช่าง (CK) ปิดที่ 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 6.54% มูลค่าการซื้อขาย 4,072 ล้านบาท บริษัท อิตาเลียนไทย (ITD) ปิดที่ 8.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท หรือ 4.35% มูลค่าการซื้อขาย 3,712 ล้านบาท บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ปิดที่ 2.06 บาท ลดลง 0.32 บาท หรือ 13.45% มูลค่าการซื้อขาย 2,436 ล้านบาท บริษัท ปตท.(PTT) ปิดที่ 341 บาท เพิ่มขึ้น 11 บาท หรือ 3.33% มูลค่าการซื้อขาย 2,053 ล้านบาท

    การซื้อขายแยกรายกลุ่มนักลงทุนโดยต่างชาติ ซื้อสุทธิ 1.38 พันล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 3.43 พันล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 1.23 พันล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 6.05 พันล้านบาท

    นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียและตลาดในยุโรปต่างอยู่ในแดนบวก ระหว่างรอผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ม.ค.และค่อนข้างที่จะแน่นอนว่าจะมีการออกมาตรการคิวอี แต่ต้องรอดูความชัดเจนของจำนวนเงินที่จะใช้

    ขณะนี้ตลาดเริ่มหันไปมองที่ปัจจัยการเมืองมากขึ้น จากที่วันนี้จะมีการพิจารณาลงมติ 3 วาระเร่งด่วนในคดีถอดถอนนักการเมือง อาจทำให้มีแรงกระเพื่อม และสร้างความกังวลให้นักลงทุนได้

    ด้านนายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยในปีนี้จะแตะสูงสุดที่ 1,675 จุด และต่ำสุดที่ 1,350-1,370 จุด ปัจจัยบวกคือราคาน้ำมันดิบจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน ขณะที่ยังต้องติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศแถบยุโรป

    ในช่วงครึ่งปีแรก แนะลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มสื่อสาร กลุ่มมีเดีย และกลุ่มอาหาร ที่จะได้ผลบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนครึ่งปีหลังหากราคาน้ำมันดิบฟื้น แนะลงทุนในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี และเลือกหุ้นที่ได้จะรับประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

    นอกจากนี้ บล.บัวหลวงประเมินกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (EPS) ของตลาดรวมปีนี้ จะอยู่ที่ 106 บาทต่อหุ้น ซึ่งสูงจากปีก่อนที่ 94 บาทต่อหุ้น ซึ่งเติบโตไปตามเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม กำไรต่อหุ้นบริษัทจดทะเบียนของตลาดยังได้รับผลกระทบจากกลุ่มปิโตรเคมีที่ปรับลดลง แต่ทั้งปีเชื่อว่าจะโตได้มากกว่าปีก่อน

    "กำไรต่อหุ้นของตลาดในปีนี้ปรับลดจากการที่คาดการณ์ไว้ต้นปี 2557 ที่มองว่ากำไรต่อหุ้นปี 2558 จะอยู่ที่ 126 บาทต่อหุ้น โดยปรับลดลงให้อยู่ที่ 106 บาทต่อหุ้น บนระดับพี/อี ที่ 14.6 เท่า ซึ่งได้รับผลกระทบจากกลุ่มปิโตรเคมีที่ปรับตัวลดลง แต่ก็ยังถือว่าจะเติบโตกว่าปีก่อนที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 94 บาทต่อหุ้น"

    ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% ไปจนถึงสิ้นปี เพื่อเป็นการประคองเศรษฐกิจให้เติบโตต่อไปได้ และมองว่าทางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี ส่วนเงินทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) คาดว่าจะไหลเข้ามาช่วงไตรมาส 4/2558 เนื่องจากนักลงทุนจากต่างชาติรอดูมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยที่จะเห็นผลชัดเจนก่อน

    นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากธนาคารกลางยุโรป ประกาศออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ QE ออกมา จะส่งผลให้มีเงินไหลออกไปลงทุนทั่วโลก แต่เบื้องต้นมองว่าคงกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น โดยอาจส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดทุนและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน แต่ในระยะยาวเชื่อว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะนักลงทุนได้รับข่าวสารมาพอสมควร

    “เชื่อว่าคงไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ และนักลงทุนเคยเจอเรื่องแบบนี้ในตอนที่สหรัฐ และญี่ปุ่นดำเนินการมาแล้ว และนักลงทุนมีการรับรู้ข่าวสารมาพอสมควร”

    อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าตลาดหุ้นไทยจะสามารถรับความผันผวนได้ เนื่องจากปี 2557 ตลาดหุ้นไทยมีความทนทานต่อแรงต้านทาน และความผันผวนต่างๆ และดัชนียังสามารถยืนเหนือ 1,500 จุดได้ ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งและความเข้าใจของนักลงทุนไทย

    ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างร่วมมือกับพันธมิตรตลาดทุนไทย ประกอบด้วย สำนักงานก.ล.ต. สมาคมบริษัทตัดการลงทุน สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัท และมูลนิธิเพื่อคนไทย ร่วมกันพัฒนาการลงทุนอย่างยั่งยืน โดยจะมีการจัดกลุ่มบริษัทที่มีผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ ESG เพื่อให้เป็นที่รู้จักของนักลงทุน คาดว่าจะประกาศรายชื่อได้ในไตรมาส 3/2558

    ส่วนแผนการดำเนินงานต่อไป จะมีการนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวเพิ่มเติม เพื่อมาจัดทำดัชนีความยั่งยืนของประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้อย่างแน่นอน โดยมาตรฐานและแนวทางในการดำเนินการคล้ายกับดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (DJSI) ที่ได้รับการยอมรับแพร่หลาย

    Tags : ตลาดหลักทรัพย์ • นักลงทุน • ต่างชาติ

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้