"ปลัดคลัง" ประเมินผลขาดทุนโครงการจำนำข้าวรอบปีงบประมาณ 2557 พุ่งสูงกว่า 6.82 แสนล้านบาท คาดปิดบัญชีเดือนม.ค. รับลูกพร้อมตั้งทีมเอาผิดความเสียหายทางแพ่งเรียกคืนค่าเสียหาย "พาณิชย์"รอหนังสือป.ป.ช.ก่อนเอาผิดวินัย 2 ข้าราชการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ชุดใหญ่มีมติส่งฟ้องอาญานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์และพวก 18 คนกระทำความผิดกรณีขายข้าวรัฐต่อรัฐให้จีน พร้อมกับส่งสำนวนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯจะเร่งปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดก่อน โดยเป็นการปิดบัญชีในรอบสิ้นปีงบประมาณ 2557 (30 ก.ย.2557) เพื่อประเมินภาพผลขาดทุนจะเป็นเช่นใด หลังจากนั้น จะมีการปิดบัญชีทุกปีในรอบสิ้นปีงบประมาณ โดยขณะนี้ทางอนุปิดบัญชีฯยังไม่ได้รับผลตรวจสต็อกข้าวชุดที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นายรังสรรค์ กล่าวว่า หากนำข้อมูลการตรวจสต็อกข้าวของ ม.ล.ปนัดดา มาคำนวณ จะส่งผลขาดทุนเพิ่มเติมจาก 6.82 แสนล้านบาท (ตัวเลขปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวและประกันราคาข้าว 15 โครงการตั้งแต่ปี 2547 จนถึงวันที่ 22 พ.ค.2557 ก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ) เพราะค่าเสื่อมจะสูงขึ้นจากเดิม รวมถึง มีข้าวหายที่ยังไม่ได้มาประเมินทางบัญชีด้วย "ถ้าผลตรวจสต็อกมีตัวเลขค่าเสื่อม ข้าวหาย จะทำให้มูลค่าขาดทุนสูงขึ้น โดยการปิดบัญชีในครั้งนี้จะทำให้ตัวเลขต่างๆ มีความชัดเจนขึ้น และระยะเวลายาวขึ้นอีก 3-4 เดือน ดังนั้น คาดว่าผลขาดทุนจะสูงกว่า 6.82 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน แต่จะสูงขึ้นแค่ไหนนั้น คงต้องมารอดูตัวเลขที่แท้จริงดีกว่า ไม่อยากจะคาดเดาไปก่อน" นายรังสรรค์ กล่าว เตรียมตั้งทีมเรียกค่าเสียหาย นายรังสรรค์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังพร้อมที่จะดำเนินการตามที่ ป.ป.ช.มีมติ โดยจะต้องรอหนังสือราชการจาก ป.ป.ช.รวมทั้งหนังสือจากหน่วยงานราชการต้นสังกัด คือ กระทรวงพาณิชย์ โดยเมื่อมีหนังสือมากระทรวงการคลังจะส่งเรื่องให้กับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงรับผิดว่าด้วยการละเมิด ซึ่งมีอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธาน และมีองค์ประกอบเป็นตัวแทน จากสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สตง.) เป็นผู้พิจารณาและกำหนดบทลงโทษต่อไป คาดนัดประชุมอนุฯปิดบัญชีข้าวม.ค. นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า คณะทำงานกำลังเร่งสรุปตัวเลขบัญชี โดยมีกำหนดเสร็จและเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารข้าว (นบข.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ไม่เกิน 15 ก.พ.นี้ เบื้องต้นคณะทำงานจะพยายามเร่งปิดบัญชีภายในเดือนม.ค.นี้ กรมบัญชีกลางรอพาณิชย์สรุปเสียหาย นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรณีป.ป.ช.มีมติกล่าวหา นายบุญทรง กับพวกทุจริตในการขายข้าวต่อรัฐกับบริษัทตัวแทนรัฐบาลจีนและระบุเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งตามกระบวนการเรียกค่าเสียหายเพื่อชดใช้ความผิดดังกล่าวนั้น ทางหน่วยงานต้นสังกัดที่เป็นผู้เสียหาย จะต้องสรุปสำนวนเสนอมายังกรมบัญชีกลาง เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการความรับผิดทางละเมิด ซึ่งจะมีคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา หน่วยงานต้นสังกัดที่เป็นผู้เสียหาย ซึ่งน่าจะหมายถึงกระทรวงพาณิชย์การสรุปสำนวนมาเสียก่อน จึงจะบอกได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะต้องชดใช้ความเสียหายเป็นจำนวนเท่าใด "ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด จะต้องส่งสรุปสำนวนการกระทำความผิดมาให้กรมบัญชีกลาง เพื่อนำไปพิจารณาข้อมูลว่า ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งก่อนที่จะมีการสรุปสำนวน หน่วยงานที่เสียหายจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนอีกชั้นหนึ่งด้วย" นายมนัส กล่าว พาณิชย์เตรียมเอาผิดวินัย 2 ขรก. นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายบุญทรง รวมถึงข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ 2 คน และข้าราชการเกษียณอีก 1 คน ในการทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)นั้น ต้องรอให้ป.ป.ช.ส่งหนังสือชี้มูลความผิดของข้าราชการดังกล่าวมาให้ก่อน เมื่อได้รับแล้วคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนกระทรวงพาณิชย์ จะนำมาพิจารณาตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2551 มาตรา 29 วรรค 2 โดยมีเวลาพิจารณา 30 วัน ซึ่งต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย และระเบียบของกระทรวงฯ อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับหนังสือจากป.ป.ช. แล้ว กระทรวงพาณิชย์ไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบซ้ำอีก แต่จะนำมาเทียบกับกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ หากป.ป.ช.ระบุว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง ก็มีโทษให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งข้าราชการทั้ง 2 คนสามารถอุทธรณ์ต่อศาลปกครองได้ แต่ถ้าป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดส่งฟ้อง และศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด ข้าราชการทั้ง 2 คนสามารถทำเรื่องขอกลับเข้ารับราชการได้อีก ส่วนข้าราชการเกษียณอายุแล้ว ไม่สามารถเอาผิดทางวินัยได้ ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย ที่ป.ป.ช.ฟ้องแพ่งและอาญาต่อไป "เรื่องนี้เกิดขึ้นในกระทรวงพาณิชย์เป็นครั้งแรก ยังไม่รู้ว่าจะตัดสินเอาผิดข้าราชการทั้ง 2 คนอย่างไร ต้องรอหนังสือชี้มูลจากป.ป.ช.ก่อน ถ้าเห็นว่าผิดวินัยร้ายแรงก็ต้องให้ออกจากราชการสถานเดียว อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ ไม่จำเป็นต้องพักงาน หรือโยกย้ายออกจากตำแหน่ง เพราะก่อนหน้านี้ ได้โยกย้ายออกจากตำแหน่งที่รับผิดชอบเกี่ยวกับข้าวในสต็อกรัฐบาลไปแล้ว"นางสาวชุติมากล่าว พาณิชย์มึนเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ส่วนกรณีที่ป.ป.ช. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง ร่วมกันพิจารณาความเสียหายจากการขายข้าวจีทูจีครั้งนี้ และให้ผู้ที่ถูกชี้มูลชดใช้ค่าเสียหายนั้น ขณะนี้ ยังไม่ทราบว่าค่าเสียหายทั้งหมดเป็นเท่าไร แต่ที่ป.ป.ช.แถลงว่าเสียหายทั้งหมด 600,000 ล้านบาทนั้นเป็นความเสียหายของโครงการรับจำนำ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับข้าราชการทั้ง 2 คนเท่าไร ต้องพิจารณาอีกครั้ง นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่ถูกชี้มูลความผิดนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ทราบว่า ข้าวจีทูจีราว 7 ล้านตันที่มีปัญหานั้น ได้ส่งมอบไปหมดแล้ว เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. ได้แถลงชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องกับการขายข้าวจีทูจีของรัฐบาลก่อน รวม 21 ราย ประกอบด้วย นักการเมือง 3 ราย ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ และ พันตรีวีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขาธิการรมว.พาณิชย์, ข้าราชการ 3 คน คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการกองความร่วมมือการค้าและการลงทุน และเอกชน 15 ราย "บุญทรง"โวยเป็นแพะหวังชี้นำถอด"ปู" นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีป.ป.ช.ชี้มูลความผิดจากการระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ว่า น่าจะมีวาระซ่อนเร้น ไม่ใช่เหตุบังเอิญ การชี้มูลในคดีของตนเกิดก่อนที่จะมีการลงมติในคดีถอดถอน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเพียงไม่กี่วัน ทั้งๆ ที่ ป.ป.ช.ก็ยอมรับในคำวินิจฉัยก่อนหน้านี้ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่มีส่วนร่วมในการทุจริตหรือสมยอมให้เกิดการทุจริตด้วย เพียงแต่กล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ที่ละเลย ไม่ระงับยับยั้งการทุจริต ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าวของรัฐบาลเท่านั้น ทั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์เป็นเพียงผู้กำหนดนโยบาย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ ดังนั้นการชี้มูลตนในเวลานี้ก็เพียงเพื่อต้องการหาแพะมาดำเนินการ เพื่อเชื่อมโยงให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ มีความผิดให้ได้ เพื่อจะได้ใช้มูลความผิดในกรณีนี้มากดดันหรือชี้นำการลงมติของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อให้เห็นว่าการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์มีการทุจริตดังที่ ป.ป.ช.ได้เคยชี้มูลความผิดไว้ และใช้กรณีของตนเป็นเหยื่อทางการเมืองเพื่อถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ลั่น 4 สัญญาจีทูจีชำระเงินเข้ารัฐแล้ว นายบุญทรง กล่าวต่อว่า ตัวเลขมูลค่าความเสียหายที่ ป.ป.ช.แถลงว่าเกิน 6 แสนล้านบาทขึ้นไปนั้น อยากทราบว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.และคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.นำตัวเลขนี้มาจากไหน เนื่องจากเท่าที่ทราบจากเอกสารของกรมการค้าต่างประเทศ การซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ทั้ง 4 สัญญา ได้มีการชำระเงินค่าข้าวแล้ว และจำนวนเงินดังกล่าวนั้นกรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งให้คณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.รับทราบแล้ว ซึ่งก็คือตัวเลขตามที่ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา กล่าวคือ จากการทำสัญญาซื้อขายจำนวน 4 ฉบับ รวมมูลค่าเป็นเงินจำนวน 70,549 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ก็ได้มีการชำระคืนให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย "ไม่เข้าใจว่า ป.ป.ช.มีจุดมุ่งหมายอย่างไรกันแน่ในการชี้มูลความผิดผม เพราะที่ผ่านมาในขั้นตอนการไต่สวน ได้พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงให้คณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.รับทราบมาโดยตลอด แต่จากการชี้มูลความผิด กลับไม่พบว่า ป.ป.ช.นำข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ผมได้เคยชี้แจงมาพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาเลย แต่ก็ยืนยันว่าพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเอง และขอร้องว่าอย่านำเรื่องของผมมาเป็นประเด็นทางการเมืองในคดีถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์" อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ระบุ ประธานป.ป.ช.ปัดโยงถอดยิ่งลักษณ์ ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาหลักฐานโดยละเอียด ตามที่คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีจำนำข้าวและระบายข้าวแบบจีทูจีรายงานเข้ามา โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ ซึ่งเรื่องนี้ ป.ป.ช.ได้ไต่สวนมานานแล้ว และอนุกรรมการไต่สวนก็เสนอมาพอดี เป็นจังหวะพอดี อาจมองไปได้อย่างที่มีการวิจารณ์กันโยงกันไป(กับคดีถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์) "ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน ป.ป.ช.ทำหน้าที่ ติดตาม พิจารณาเรื่องที่ถูกร้องมาในเรื่องการระบายข้าว เป็นการร้องคดีปฏิบัติมิชอบในทางอาญา ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ถูกต้อง ยืนยันอีกครั้งว่าที่ประชุม ป.ป.ช.พิจารณาตามหลักฐานก่อนที่จะมีมติเอกฉันท์ ไม่ได้ทำเพื่อให้เกิดเบี่ยงเบนประเด็นอะไร ไม่มีๆ" ประธาน ป.ป.ช.ระบุ นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ชี้มูลนายบุญทรงไป เป็นคนละประเด็นกับเรื่องการถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ประเด็นถอดถอนดังกล่าวคือการละเว้นดำเนินการ เมื่อพบความเสียหายเกิดขึ้น เรื่องการถอดถอนที่ สนช.จะโหวตนั้น เป็นเรื่องของความเสียหาย แต่ไม่ได้มีการหยุดยั้ง ไม่ใช่ประเด็นการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี แต่ประเด็นของนายบุญทรงนั้นเป็นคดีอาญาในการระบายข้าวไม่ถูกต้อง ตรงนี้ชัดเจน "เรื่องระบายข้าวนี้จะถูกนำไปเป็นส่วนเพิ่มเติมในคดีอาญาที่กล่าวหาคุณยิ่งลักษณ์ กรณีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อทำให้คดีหนักแน่นได้มากกว่า ไม่เกี่ยวกับคดีถอดถอนคุณยิ่งลักษณ์" ประธาน ป.ป.ช.ระบุ Tags : ป.ป.ช. • รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ • ปลัดกระทรวงการคลัง • กรมบัญชีกลาง • จำนำข้าว • ปลัดกระทรวงพาณิชย์ • แพ่ง • บุญทรง เตริยาภิรมย์ • ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ