พนักงาน "บางจาก" ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง "นายกรัฐมนตรี" หวังให้ระงับการขายหุ้นบางจากในส่วนที่ปตท.ถือ รายงานข่าวจากบริษัทบางจาก จำกัด (มหาชน) ระบุว่า พนักงานบริษัทได้ส่งหนังสือเปิดผนึกเรื่องพนักงานบางจากไม่เห็นด้วยกับการขายหุ้นบางจาก ซึ่งจะมีการนำส่งหนังสือดังกล่าวให้กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ได้มีการดำเนินการขายหุ้นบริษัทบางจากปิโตรเลียม ในส่วนของบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) PTT นั้น ในนามของพนักงานบริษัท บางจากไม่เห็นด้วย เนื่องจากบริษัทบางจากถูกก่อตั้งมาในสมัยรัฐบาลพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เพื่อปฏิบัติตามภารกิจ 2 ข้อ คือ ดูแลความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และมีส่วนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคมไทย ซึ่งบริษัทได้ดำเนินธุรกิจตามภารกิจนี้มาอย่างเข้มแข็ง ต่อเนื่อง เป็นที่ประจักษ์ซึ่งพนักงานที่เข้ามาทำงานที่นี่ต้องการทำหน้าที่ดังกล่าวในฐานะพลเมืองไทย และมีความภาคภูมิใจในคุณค่าที่องค์กรของตนเองมีต่อประเทศชาติมาโดยตลอด การที่ปตท.ถือหุ้นในบริษัทบางจาก ก็มิได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นองค์กรของรัฐของคนไทยเช่นเดียวกัน และการที่ปตท.จะขายหุ้นบริษัทบางจากนั้น จะทำให้บริษัท บางจาก ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ ตกไปอยู่ในมือนักลงทุนที่มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง อันจะทำให้บริษัทบางจากไม่สามารถเป็นกลไกของรัฐในการบริหารด้านพลังงานและการพัฒนาสังคมได้ อีกทั้งอาจนำไปสู่ความไม่โปร่งใสในการบริหารงานต่อไปได้ ในนามของพนักงานบริษัท บางจาก ขอกราบเรียนท่านว่า เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งในการขายหุ้นของบริษัทบางจากของปตท. และไม่มีความประสงค์จะซื้อหุ้นด้วยเงินของตัวเองหรือกู้เงินมาซื้อตามที่บอร์ดของบริษัทเสนอ แต่มีความประสงค์ให้บริษัทบางจากเป็นของรัฐ และมีความประสงค์ที่จะทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยความซื่อสัตย์ สร้างคุณค่าต่อสังคม ในฐานะพลเมืองไทย ประชาชนไทย โดยมีความหวังเดียวคือท่านนายกรัฐมนตรีที่จะหยุดยั้งการดำเนินการดังกล่าวและขอเป็นกำลังใจให้ท่านเพื่อประกอบภารกิจเพื่อชาติต่อไป ทั้งนี้ การประกาศขายหุ้นโรงกลั่นบริษัท บางจากปิโตรเลียม (BCP) ที่บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ถืออยู่กว่า 27% เนื่องจากนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการบริษัท ปตท. ต้องการสร้างความโปร่งใสในธุรกิจน้ำมัน และลดปัญหาการผูกขาดตลาดลง โดยมองว่าที่ผ่านมาปตท.ถือหุ้นในตลาดค้าส่งน้ำมันมากเกินไป จากนั้นบอร์ดปตท.ก็มีมติให้ขายหุ้นบริษัทบางจากทั้งหมดที่ถืออยู่ 27.22% แหล่งข่าวจากบริษัทปตท. กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวจะมีการเปิดประมูลซื้อหุ้นภายในเดือนม.ค.2558 ขณะนี้มีผู้สนใจที่จะเข้าร่วมประมูลแล้ว 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มอดีตผู้บริหารบริษัทปตท., บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA), บริษัท ซัสโก้ (SUSCO) และบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) หรือเดิมชื่อว่าบริษัท ปักษ์ใต้เชื้อเพลิง กลุ่มนายพิชัย ชุณหวชิร และอดีตผู้บริหารในกลุ่มปตท. เป็นกลุ่มที่มีความสนใจเข้าซื้อหุ้นบริษัท บางจากปิโตรเลียม โดยนายพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการ บริษัทบางจากปิโตรเลียม และอดีตผู้บริหารกลุ่มปตท. ได้พบพนักงานและเชิญชวนให้ร่วมซื้อหุ้นจากบริษัทปตท. ในสัดส่วน 3% ส่วนหุ้นที่เหลืออีกราว 24% บริษัท บางจาก อาจตั้งบริษัทใหม่ และเชิญชวนพันธมิตร เช่น กลุ่มสหกรณ์ชุมชนต่างๆ ที่เคยเข้าร่วมซื้อหุ้นในอดีต มาร่วมซื้อหุ้นในครั้งนี้ด้วย คาดว่าอาจต้องใช้เงินซื้อหุ้นในราคาตลาดหรือสูงกว่า ซึ่ง บริษัทบางจากปิโตรเลียม อาจต้องจัดหาเงินกู้ในการซื้อหุ้นไม่ต่ำกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ณ ราคาหุ้น 35 บาท นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล อดีตผู้บริหาร บริษัท บางจากปิโตรเลียมและที่ปรึกษาบริษัท กล่าวว่าในส่วนตัวมีความพร้อมในการเข้าซื้อหุ้นบริษัทบางจาก ที่ผ่านมานายพิชัย ได้รวบรวมพนักงานและผู้บริหารที่สนใจซื้อหุ้นบางจากให้มาลงชื่อร่วมกัน แต่เท่าที่ประเมินเชื่อว่าเมื่อรวมกลุ่มพนักงานและผู้บริหารแล้ว อาจจะซื้อหุ้นบางจากได้เพียง 1% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขาย ส่วนที่เหลือน่าจะใช้เงินกู้จากธนาคารกรุงไทย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าธนาคารพาณิชย์อาจจะไม่ปล่อยกู้ในวงเงินที่สูง ซึ่งนายพิชัย ยังไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแหล่งเงินทุน สำหรับซื้อหุ้นบางจาก อาจมีทางเลือกโดยการชักชวนกลุ่มทุนอื่นๆ เพิ่ม “ส่วนตัวแล้วไม่อยากให้ปตท.ขาย เนื่องจากบางจากก็เหมือนสมบัติของชาติ เมื่อขายไปอยู่ในมือของเอกชนแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีเปลี่ยนถ่ายธุรกิจอย่างไร ในอนาคต รัฐบาลจะไม่สามารถใช้บางจาก ในการควบคุมกลไกตลาดได้ และยังไม่เห็นประโยชน์ที่ปตท.จะได้รับจากการขายหุ้น เพราะจะได้กำไรหลักจากหักภาษีเพียง 6-7 พันล้านบาทเท่านั้น และกระทรวงการคลังจะได้รับเงินปันผลจากดีลนี้เพียง 2 พันล้านบาท” นายอนุสรณ์ กล่าวว่าการที่มีเอกชนหลายรายสนใจเข้าซื้อหุ้นบางจาก เป็นเพราะเล็งเห็นประโยชน์จากการต่อยอดและขยายธุรกิจ ซึ่งจะใช้เงินกว่าหมื่นล้านบาท แต่หากมีการลงทุนเองทั้งหมดอาจต้องใช้เงินลงทุนหลักแสนล้านบาท ขณะเดียวกันในส่วนของบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) คาดว่าจะมีการจับมือกับบริษัท เบอร์แมค จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ ถือหุ้นอยู่ 26% เข้าประมูลซื้อหุ้นบริษัทบางจากเช่นกัน โดยนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ กล่าวว่าบริษัทจะได้รับเงินจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน น่าจะอยู่ที่ 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีนโยบายซื้อกิจการซื้อธุรกิจโรงกลั่น เนื่องจากประเมินว่าสามารถต่อยอดกับธุรกิจเดิมที่มีอยู่ได้ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) หรือชื่อเดิมคือ ปักษ์ใต้เชื้อเพลิง กล่าวว่า บริษัทมีความสนใจซื้อหุ้น บริษัทบางจาก จากบริษัทปตท. ที่ถือหุ้นอยู่ 27.22% เนื่องจากมองเห็น Synergy ร่วมกัน และจะช่วยส่งเสริมธุรกิจให้ดีมากยิ่งขึ้นในอนาคต โดยคาดว่าจะมีความชัดเจน Tags : บางจาก • ขายหุ้น • ปตท. • ประยุทธ์ จันทร์โอชา