คลังขอ 3 เดือนสรุปเพิ่มทุน "ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย" ด้านซูเปอร์บอร์ดเสนอ 4 แนวทางแก้ปัญหา การฟื้นฟูกิจการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา ทำท่าจะสะดุดหลายรอบ โดยเฉพาะจากกระแสข่าว “ยุบ-เลิก” ทำให้ผู้เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจง ล่าสุดเรื่องเงินเพิ่มทุน ที่ทางคณะกรรมการ (บอร์ด) ได้ยื่นขอไปเพิ่มอีก 1 หมื่นล้าน รวมกับเงินเพิ่มทุนเดิมที่ขออนุมัติไว้เป็น 1.6 หมื่นล้าน ที่หลายฝ่ายมองว่าสูงไป คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือซูเปอร์บอร์ด จึงให้ไอแบงก์ไปหารือกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังอีกรอบ “ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์” ประธานคณะกรรมการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงความคืบหน้าเรื่องเงินเพิ่มทุน และการเดินหน้าฟื้นฟูกิจการไอแบงก์ว่า ธนาคารได้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการส่งให้กับ ซูเปอร์บอร์ดพิจารณาแล้ว และทางพร้อมกับทาง พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานอนุกรรมการพิจารณาและกลั่นกรองแผนงานการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ ของซูเปอร์บอร์ดได้มาตรวจเยี่ยม ซักถามเกี่ยวกับแผนงานต่างๆ แล้ว ทางซูเปอร์บอร์ดได้ส่งคำแนะนำการแก้ไขปัญหา ของธนาคารอย่างเป็นทางการกลับมา เมื่อปลายเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาใน 4 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย 1. ให้ธนาคารมุ่งเน้นสินเชื่อกลุ่มลูกค้าชาวมุสลิมให้มากขึ้น จากปัจจุบันมีลูกค้าที่เป็นชาวมุสลิมน้อยมาก แค่ 3 แสนราย จากจำนวนชาวมุสลิมทั้งประเทศ 8-9 ล้าน คิดเป็นสัดส่วนรายลูกค้าเงินฝาก 50% และลูกค้าเงินกู้ไม่ถึง 20% ของพอร์ตโดยรวม ในแง่เม็ดเงินกู้ไม่ถึง 10% ถือว่าน้อยมาก เป็นเพราะนโยบายของธนาคารที่ผ่านมาไม่ได้มุ่งเน้นการให้บริการพี่น้องมุสลิม ทางซูเปอร์บอร์ด อยากเห็นภายใน 2 ปีควรเพิ่มเป็น 1 ล้านราย ปรับลดสาขาในห้าง-เปิดบริการตามมัสยิด ชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า หนึ่งในแผนงานการเพิ่มลูกค้าชาวมุสลิมคือ การปรับช่องทางการบริการ แม้ว่าปัจจุบันธนาคารจะมีสาขาสูงถึง 132 สาขา จากการเปิดสาขาใหม่ในช่วง 5ปีที่ผ่านมาถึง 102 สาขา แต่ไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถส่งมอบบริการให้กับพี่น้องชาวมุสลิมได้ แต่ไปอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ “การเปิดสาขาในห้างแม้จะทำให้ภาพลักษณ์ของธนาคารดี แต่ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ในห้างทุกแห่งก็ได้ วันนี้พี่น้องมุสลิมมีคณะกรรมการกลางมุสลิมอยู่ 39 จังหวัด มีมัสยิดใหญ่ๆ เยอะแยะ แต่เราไม่มีจุดที่จะส่งมอบบริการใกล้พื้นที่นั้นเลย จึงมีแนวคิดที่ปรับสาขาใหม่ ปรับสาขาที่อยู่ในห้างออกมาอยู่ข้างนอก ในพื้นที่ที่สามารถส่งมอบบริการให้พี่น้องชาวมุสลิมได้ มาอยู่ใกล้กับมัสยิดใหญ่ๆ ใน 39 จังหวัด เป็นจุดที่เราจะสามารถตอกย้ำบริบทของธนาคารได้จริงๆ อยากเห็นเรื่องนี้เร็วที่สุด” ขณะนี้กำลังจะประสานคณะกรรมการกลางอิสลามในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ๆ ทั้งเชียงใหม่ และหาดใหญ่ เราจะเอาช่องทางการให้บริการ อาจจะมีเครื่องฝากเงิน หรือบริการทางการเงินเคลื่อนที่ไปให้บริการเฉพาะวันที่มีกิจกรรมทางศาสนาเป็นต้น เหมือนแนวคิดการบริการของธนาคารทั่วไป ที่สามารถมีสาขาย่อยได้ เปิดหน่วยบริการเคลื่อนที่ได้ เสนอตั้งหน่วยสอบทุจริต 7 รสก. 2. ให้ศึกษาแนวทางที่เหมาะสมในการบริหารจัดการลูกหนี้ที่มีปัญหา หรือที่เรียกว่า เอ็นพีเอฟ ให้เหมาะสมและถูกหลักทางศาสนา เรื่องนี้ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เพราะหนี้ที่มีปัญหาทั้งหมด 5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40% ของสินเชื่อรวม เป็นหนี้ที่เกิดจากลูกค้ามุสลิมน้อยมาก แนวทางต้องแยกหนี้ดีออกมา แล้วขายหนี้เสียออกไป แต่ต้องไม่เสียสิทธิในการหาผู้ที่ทำให้ธนาคารเสียหายมารับผิดชอบ จึงไม่สามารถขายหนี้ให้กับเอเอ็มซีที่เป็นเอกชนได้ 3. อยากให้หาแนวทางเร่งรัดตรวจสอบ ความเสียหายที่เกิดขึ้น และหาผู้ที่ทำความเสียหายให้กับธนาคารมารับผิดชอบ เรื่องนี้ได้มีข้อเสนอไปว่า ขณะนี้มีรัฐวิสาหกิจ 7 แห่งที่ต้องทำแผนฟื้นฟู ทุกแห่งมีปัญหา และมีผู้ที่ทำให้เสียหาย หากต้องทำธุรกิจเดินหน้าได้ และต้องสืบสวนหาผู้ทำผิดไปด้วย มันคนละทักษะ คนละความรู้กัน จึงเสนอไปว่า น่าจะมีการตั้งหน่วยงานขึ้นมา ทำหน้าที่หาผู้ที่ทำให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 7 แห่งเสียหาย ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีทหาร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในองค์กรนั้นๆ เข้าไปช่วยให้ข้อมูล หรือชี้เป้า แล้วมีสไนเปอร์สำเร็จโทษ ทำให้เราบริหารจัดการเดินหน้าแบงก์ได้ โดยไม่เสียสิทธิหาผู้ที่ทำให้ธนาคารเสียหายมารับผิดชอบ ซูเปอร์บอร์ดสั่งหาพันธมิตรร่วมทุน 4. ทางซูเปอร์บอร์ด อยากให้ธนาคารพิจารณาแนวทางในการหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารธนาคารอิสลามเข้ามา อาจจะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ กองทุน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะเข้ามาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธนาคาร ซึ่งในเรื่องนี้ได้ชี้แจงไปว่า ปัจจุบันไอแบงก์เหมือนคนป่วย ต้องรักษาตัวเองให้ดีก่อน และทำบริบท ทำหน้าที่การเป็นธนาคารของพี่น้องชาวมุสลิมให้ชัดเจน สร้างความเชื่อถือให้เกิดขึ้น “ถ้าทำบริบท ตัวเองให้ชัดเจน การสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก ก็จะเข้ามา กองทุนพี่น้องชาวมุสลิมเยอะแยะ ผู้เชี่ยวชาญการทำธุรกิจธนาคารอิสลามต่างๆ ก็สนใจจะเข้ามา แต่ถ้าเรายังไม่มีคุณค่า ไปหาใครก็คงไม่สนใจ จึงต้องตัวเองให้ดี ทำให้น่าสนใจ ค่อยไปคุยกับพันธมิตร ถ้าเราไม่ได้ทำให้พี่น้องมุสลิมในประเทศเชื่อมั่นก็จบ แต่ถ้าเราทำให้ในประเทศเชื่อมั่น จะไปเชิญใครมา ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่” ชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า หากทำธุรกิจ ให้บริการที่ดี และถูกหลักชะรีอะฮ์ แก่พี่น้องชาวมุสลิมในประเทศแล้ว ไอแบงก์สามารถกระจายการบริการไปยังประเทศในแถบอาเซียน หรือเออีซีที่นับถือศาสนาอิสลามได้ โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย เลยที่มีประชากรถึง 300 ล้านคน ถ้าเราปรับตัวเองได้ ให้มีคุณค่า มีราคามากกว่านี้ การหาใครมา ธนาคารที่มีวินโดว์บริการพี่น้องมุสลิม เข้ามาถือหุ้นส่วนหนึ่ง เมื่อมีความเหมาะสมทางราคา และเวลา เราก็ไม่ต้องสร้างระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ หากสามารถหาพันธมิตรเข้ามาเสริมได้ สมมุติว่าเป็นมาเลเซีย อินโดนีเซีย หรือ ตะวันออกกลาง ช่วยกระจายธุรกิจได้ คลังขอ3เดือนตัดสินใจเพิ่มทุน สำหรับเรื่องแผนการเพิ่มทุน 1.6 หมื่นล้านบาท ได้มีการพูดคุยกับทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแล้ว ยังไม่ได้ตอบว่าให้หรือไม่ เขาให้เวลาเรา 3 เดือนในการปรับตัว ภายใน 3 เดือนนี้ หาก 3 เดือนนี้เราทำให้มีอะไรจับต้องได้ ก็เชื่อว่าทางการจะเห็นคุณค่าที่สำคัญ ขอย้ำอีกครั้งว่า จากการเป็นนายแบงก์มานาน มีประสบการณ์ตีมูลค่าทุกเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่เห็นว่าตีมูลค่าไม่ได้ และมีความสำคัญมหาศาลคือ มูลค่าของความเป็นธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ในมิติของความมั่นคงของประเทศ “เราไม่ได้ถูกเบรกเรื่องเงินเพิ่มทุน หากมองว่าเม็ดเงินสูงไป ถามว่าแต่ละปีเราใช้งบประมาณในเรื่องความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เท่าไหร่ เทียบกับเงินโครงการจำนำข้าว คนละมิติกัน ทางรัฐมนตรีช่วยก็รับทราบในเรื่องนี้ และขอเวลาดูอีก 3 เดือน ส่วนผมก็ต้องทำให้ดีที่สุด จะพยายามให้ปีนี้มีกำไร” Tags : ธนาคารอิสลาม • ไอแบงก์ • ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ • คลัง • ซูเปอร์บอร์ด