(รายงาน) "พาณิชย์" หนุนศก.ดิจิทัล ดันระบบงบการเงิน"อี-ไฟล์ลิ่ง" ในวาระครบรอบ 92 ปีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร 9 แห่ง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กรมสรรพากร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ และบริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) ทำการเปิดตัวระบบการให้บริการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ e-Filing เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบธุรกิจ นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนประชาชนทั่วไป ในการนำส่งงบการเงิน สอดรับกับนโยบายเศรษฐกิจยุคดิจิทัลของรัฐบาล นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ระบบอี-ไฟล์ลิ่ง เป็นวิวัฒนาการใหม่ของการส่งงบการเงินของไทย ที่พัฒนาจากการส่งงบการเงินแบบกระดาษ เป็นไร้กระดาษ ซึ่งช่วยลดขั้นตอนการส่งงบการเงิน มีความรวดเร็ว และกรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังสามารถนำงบการเงินที่ได้รับมาผ่านระบบออนไลน์ไปทำการวิเคราะห์ แยกแยะข้อมูล และเผยแพร่ได้แบบทันท่วงที ทำให้ผู้ที่ต้องการใช้งบการเงินในการทำธุรกิจ หรือประกอบการตัดสินใจทำธุรกิจ จะสามารถเข้าถึงงบการเงินได้โดยง่าย และรวดเร็วกว่าเดิมมาก เพราะตามระบบเดิมกว่าจะดูงบการเงินได้ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5-6 เดือน ระบบอี-ไฟล์ลิ่ง ที่นำมาใช้ จะช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของธุรกิจ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ในการดำเนินธุรกิจ ช่วยวิเคราะห์เพื่อวางแผนและตัดสินใจทางธุรกิจ รวมทั้งแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ ประเภทธุรกิจที่มีการขยายตัว ฐานะการเงิน ตลอดจนการประเมินสภาพธุรกิจ เพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขัน สร้างโอกาสความร่วมมือทางธุรกิจ และการต่อยอดทางธุรกิจ สร้างโอกาสและลดต้นทุนในการเข้าถึงข้อมูล ช่วยลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ สนับสนุนข้อมูลแก่หน่วยงานภาครัฐเพื่อใช้ในการตรวจสอบและกำกับดูแลธุรกิจ รวมถึงการนำข้อมูลไปใช้ในวางแผนและกำหนดนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระดับประเทศ "ระบบยังจะช่วยผลักดันให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นศูนย์กลางข้อมูลทางการเงินที่ทันสมัย มีความรวดเร็ว สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจ หรือกำหนดนโยบายในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศได้" นอกจากนี้กรมฯยังได้ลงนามบันทึกตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ 50 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย เพื่อร่วมกันสร้างนักบัญชีคุณภาพรุ่นใหม่ป้อนตลาด โดยดึงนักศึกษาสาขาวิชาชีพบัญชีจากแต่ละสถาบันมาอบรมให้ความรู้ในเชิงลึก พร้อมฝึกปฏิบัติงานจริงในสถานการณ์จำลอง (Simulation) ซึ่งนักศึกษาที่ผ่านการอบรมและฝึกปฏิบัติจนจบหลักสูตรจะได้รับประสบการณ์ "เตรียมความพร้อมให้กับเด็กที่เรียนบัญชี เมื่อจบไปจะได้มีโอกาสในการหางานทำได้ง่ายขึ้น และเป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจที่จะมีนักบัญชีที่ดี และทำให้ธุรกิจมีความโปร่งใส” ส่วนการเตรียมการเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยได้เพิ่มทางเลือกในการขอหนังสือรับรองให้ผู้ประกอบธุรกิจ โดยเปิดให้บริการออกหนังสือรับรองนิติบุคคลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับ AEC อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะมีนักลงทุนจากประเทศอาเซียนเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศเป็นจำนวนมาก และจำเป็นต้องใช้หนังสือรับรองเพื่อประกอบการดำเนินธุรกิจ และทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ อันจะช่วยให้ธุรกิจ เกิดความคล่องตัว มีความสะดวก ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย กระทรวงฯยังมีแผนในการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) โดยกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและยกร่างกฎหมายการจดจัดตั้งนิติบุคคลคนเดียว เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่ทำธุรกิจคนเดียว สามารถจดจัดตั้งบริษัทได้ และจะช่วยให้ธุรกิจสามารถทำธุรกิจได้คล่องตัวและเข้าถึงแหล่งเงินทุน และทำธุรกรรมทางการเงินได้ง่ายขึ้น โดยจะผลักดันให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังได้จัดบูธธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียงกว่า 100 ราย มาเปิดบูธเพื่อนำเสนอธุรกิจ และเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจทำธุรกิจเข้ามาเลือกซื้อแฟรนไชส์ พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจแฟรนไชส์มาเปิดคลินิกให้คำปรึกษาด้วย Tags : นางอภิรดี ตันตราภรณ์ • กระทรวงพาณิชย์ • กรมธุรกิจการค้า