นักวิเคราะห์ระบุราคาน้ำมันร่วง ดึงต้นทุนผลิต-ขนส่งลง ดันกำไรบริษัทจดทะเบียนขยับขึ้น 2-3% บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การที่ต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการลดลง โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตและต้นทุนขนส่ง ทั้งนี้ ประเมินว่ากลุ่มที่ได้รับประโยชน์ทางตรง คือกลุ่มค้าปลีก-ค้าส่ง กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและกลุ่มยานยนต์ กลุ่มค้าปลีก-ส่งนั้น ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงมีผลให้ต้นทุนโลจิสติกส์ปรับลดลง เนื่องจากมีการใช้รถขนส่งจำนวนมากในการกระจายสินค้าไปยังสาขาต่างๆ จากการประเมินเบื้องต้น พบว่า สัดส่วนของต้นทุนโลจิสติกส์และค่าไฟฟ้าของกลุ่มจะอยู่ที่ราว 2-4% ของยอดขาย หากตั้งสมมติฐานตัดค่าใช้จ่ายราว 12% เกิดจากค่าน้ำมันลดลง 20% และค่าไฟลดลง 5% จะส่งผลให้ต้นทุนดำเนินงานของกลุ่มลดลงและฐานกำไรกลุ่มเพิ่มขึ้นจากประมาณการปัจจุบันราว 2-3% ของกำไร กลุ่มวัสดุก่อสร้างเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องถึงต้นทุนพลังงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ถ่านหิน ค่าไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ ให้ปรับตัวลดลงตาม โดยธุรกิจที่น่าจะได้รับประโยชน์ชัดเจน คือ ธุรกิจกระเบื้อง เพราะโครงสร้างต้นทุนมีส่วนของก๊าซธรรมชาติสูงถึง 30% ของต้นทุนการผลิต แต่การปรับเปลี่ยนราคาจะมีความเหลื่อมเวลาจากราคาน้ำมันประมาณ 6 เดือน คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในไตรมาส 2 ปีนี้ ธุรกิจปูนซีเมนต์มีองค์ประกอบของต้นทุนพลังงาน 60% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด แบ่งเป็น ถ่านหิน 30% และ ค่าไฟฟ้า 30% แม้ธุรกิจปูนซีเมนต์จะได้รับผลบวกจากราคาพลังงานที่ลดลง แต่แรงกดดันจากหน่วยงานรัฐที่ต้องการให้ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ ปรับลดราคาขายปูนซีเมนต์ลง จะทำให้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นไม่เต็มที่ ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง น่าจะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลงเช่นกัน แม้โครงสร้างต้นทุนงานก่อสร้าง จะมีองค์ประกอบของน้ำมันไม่เกิน 5% ของต้นทุนทั้งหมด ซึ่งใช้ในส่วนของเครื่องจักรหนัก แต่ราคาวัสดุก่อสร้างที่ได้รับอานิสงส์ จากต้นทุนพลังงานที่ลดลงตามราคาน้ำมัน จะทำให้สัดส่วนต้นทุนที่เป็นวัสดุก่อสร้าง ประกอบด้วยเหล็กและปูน ซึ่งคิดเป็น 40%ของต้นทุนทั้งหมด มีแนวโน้มปรับตัวลดลงมา เชื่อว่าจะเริ่มเห็นผลบวกชัดเจนขึ้นไตรมาส 2 ปีนี้ หลังสต็อกต้นทุนเก่าหมดลง สำหรับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่เน้นรับงานภาครัฐเป็นหลัก จะมีตัวเลขดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของค่างานหรือค่าเค ซึ่งมีบางองค์ประกอบที่เปลี่ยนแปลงไปตามราคาน้ำมัน จะไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่นัก แต่บริษัทรับเหมาที่เน้นรับงานจากภาคเอกชนจะได้รับประโยชน์จากต้นทุนงานก่อสร้างที่ลดลงอย่างเต็มที่ กลุ่มยานยนต์ ต้นทุนค่าไฟฟ้าคิดเป็น 3-5% ของยอดขาย ขณะที่ค่าขนส่งสินค้าให้ลูกค้าคิดเป็น 0.5% ของยอดขายภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดีเซลลดลง 20% และค่าไฟลดลง 5% จะส่งผลให้ต้นทุนรวมของบริษัทในกลุ่มลดลง และมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2.5-3.5% ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรง ไม่ได้เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถเพื่อทดแทนการเดินทางในรูปแบบเดิม แต่อาจส่งผลให้ผู้ที่มีความต้องการจะซื้อรถอยู่แล้ว ตัดสินใจง่ายขึ้น เนื่องจากมีเงินเหลือเพื่อผ่อนค่างวดมากขึ้น นักวิเคราะห์ กล่าวเพิ่มว่า กลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากราคาน้ำมันลดลง คือ กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย และกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม โดยกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย ได้ประโยชน์ผ่านทางค่าวัสดุก่อสร้าง ประกอบด้วย เหล็ก ปูน ที่มีทิศทางลดลงตามราคาน้ำมัน ซึ่งในภาวะปกติผู้ประกอบการจะมีการขึ้นราคาบ้าน 3-5% ต่อปี ตามภาวะเงินเฟ้อ เพื่อผลักภาระไปให้แก่ผู้บริโภค ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในอดีตทรงตัวที่ 34-36% มาโดยตลอด ในช่วงภาวะน้ำมันขาลง ผู้ประกอบการมีพฤติกรรมไม่ปรับลดราคาขายบ้านลงตาม คาดว่า จะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้น 36% ขึ้นไป และส่งผลให้กำไรของกลุ่มปีนี้ ปรับเพิ่มขึ้น 1% นอกจากนั้นกลุ่มอสังหาฯ ยังได้รับประโยชน์ทางอ้อม ด้านการขนส่งวัสดุก่อสร้างและค่าไฟฟ้าอีกด้วย กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม ต้นทุนค่าไฟฟ้าของกลุ่มโรงแรม คิดเป็น 3-6% ของรายได้ ส่วนต้นทุนโลจิสติกส์คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1% ของรายได้ หากกำหนดให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลง 20% และค่าไฟลดลง 5% คาดส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มโรงแรม เพิ่มขึ้น 2% การที่ต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวลดลง น่าจะดีต่อสายการบินทุกแห่ง รวมถึงรถยนต์ โดยสารในประเทศ ที่ปรับลดราคาค่าโดยสารลง สร้าง Sentiment เชิงบวกต่อการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่ภาครัฐบาลให้ความสำคัญกับโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลจะเป็นตัวแปรสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีหลายโครงการที่พร้อมจะเปิดประมูลได้ในปีนี้รวมมูลค่า 9 แสนล้านบาท คาดผู้รับเหมาทั้ง 4 รายใหญ่ คือ บริษัท ช.การช่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น และบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จะได้งานในลักษณะแบ่งงาน ขณะที่ บล.เคจีไอ คาดการณ์ว่า รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง ซึ่งจะช่วยเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ โดยมาตรการที่จะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรม คาดจะทำให้เกิดการสะสมสต็อกวัสดุก่อนการเริ่มก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการระบบขนส่งมวลชน ส่งผลให้เกิดอุปสงค์ของวัสดุก่อสร้างพื้นฐานแข็งแกร่งตั้งแต่ปีนี้ Tags : นักวิเคราะห์ • ราคาน้ำมัน • กำไรบจ. • ต้นทุนเชื้อเพลิง