"สุพจน์ อาวาส" ปักธงฟื้นเอสเอ็มอีแบงก์ คาดจบไตรมาส 3 หลังจากที่คณะกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง ได้มีมติแต่งตั้ง นายสุพจน์ อาวาส ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมาคือจุดเริ่มต้นภารกิจฟื้นฟูธนาคารเฉพาะกิจแห่งนี้ตามความตั้งใจที่มีมา สุพจน์ตั้งเป้าหมายการเข้ามาทำงานไว้ว่า จะดำเนินการฟื้นฟูกิจการธนาคาร ตามแผนงานที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ดได้เห็นชอบไว้ ให้ได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าเดิมจากที่วางเป้าหมายดำเนินการภายใน 1 ปี โดยการฟื้นฟูจะเน้นใน 4 ภารกิจหลักคือ 1.แก้ไขหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอลที่อยู่ในระดับกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือ 39% ของ สินเชื่อรวม ให้เหลือ 2 หมื่นล้านบาทภายในปีนี้ 2. การวางกรอบ สร้างกระบวนการทำงานเพื่อให้เกิดจริยธรรมที่ดีมีการบริหารจัดการภายในองค์กรที่ดี 3.กระจายการทำ งานของพนักงานสำนักงานใหญ่ไปสู่สาขาเพื่อแสวงหาสินเชื่อและเพิ่มรายได้ให้กับธนาคาร และ 4.การให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ซึ่งเป็นพันธกิจหลักของธนาคาร วงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาทต่อราย หากภายในไตรมาส 3 ธนาคารสามารถดำเนินการได้ตามแผนฟื้นฟูที่วางไว้ เตรียมเข้าสู่การดำเนินการขั้นที่ 2 คือ เปิดให้บริการใหม่ โดยเตรียมเสนอไปยังกระทรวงการคลัง และซูเปอร์บอร์ด ให้ธนาคารเปิดรับฝากเงินจากบุคคลภายนอกเป็นการทั่วไป ซึ่งในช่วงแรกจะเน้นกับรับฝากเงินจากลูกค้า เพื่อให้เกิดธุรกรรมการเงินที่ครบวงจร ซึ่งตรงนี้จะเป็นการยกระดับการให้บริการของธนาคารไปอีกขั้นหนึ่ง” นายสุพจน์ กล่าว “การเปิดรับฝากเงินจากบุคคลทั่วไปนั้นธนาคารสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย ซึ่งในปัจจุบันธนาคารมีการรับฝากจากลูกค้ารายใหญ่ ลูกค้าองค์กร แต่ยังไม่มีการฝากเงินจากลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนั้นธนาคารจำเป็นต้องแจ้งไปยังกระทรวงการคลัง และซูเปอร์บอร์ด คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะจะสร้างผลดีกับธนาคาร และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของธนาคารในการทำธุรกิจเกี่ยวกับเงินฝาก” เขากล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการทำความเข้าใจถึงการทำงานในธนาคารว่าพนักงานต้องรวมพลังกันให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นช่วยให้ธนาคารเดินหน้าต่อไปได้ เพราะรัฐบาลชุดนี้ชัดเจนแล้วว่าธนาคารควรต้องอยู่ต่อไป เพื่อทำหน้าที่ในการเสริมสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอี โดยเฉพาะเอสเอ็มอีรายเล็กที่อยู่ในระดับฐานราก โดยเตรียมเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลากรมาทบทวนโครงสร้างของพนักงาน ให้เป็นไปตามมาตรฐานของธนาคารทั่วไป หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการปรับโครงสร้างไปแล้วด้วยการปรับให้พนักงานมาทำงานในส่วนที่ให้บริการลูกค้าให้มากขึ้น คาดว่าการปรับโครงสร้างใหม่นั้นจะได้เห็นภายในอีก 3 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ธนาคารเล็งปรับภาพลักษณ์ของธนาคารใหม่ ให้พ้นภาพธนาคารสีเทาที่ถูกมองว่ามีการทุจริตกันมาก และไม่น่าใช้บริการโดยเตรียมจะสะสางคดีทุจริตภายในธนาคารกว่า 33 คดี ให้จบภายใน 1 เดือน รวมถึงจะปรับปรุงสาขาในต่างจังหวัดให้มีความสดใส ทันสมัยมากขึ้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธนาคาร และเป็นการดึงดูให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในธนาคารให้มากขึ้น “ต่อไปข้างหน้าจะได้เห็นภาพลักษณ์ใหม่ของเอสเอ็มอีแบงก์ ผมได้คุยกับพนักงานแล้วให้ร่วมกันทำงาน ถ้าใครมีปัญหาติดต่อมาที่ผมได้โดยตรง ผมได้แจกเบอร์ไปยังพนักงานทุกคนแล้ว มีอะไรให้มาคุยกัน” Tags : สุพจน์ อาวาส • เอสเอ็มอีแบงก์ • ฟื้นฟู • ธนาคาร