นอกเหนือจากการพัฒนาเรื่องสมรรถนะ การควบคุม ความสะดวกสบายแล้ว ระยะหลังอุตสาหกรรม ยังพยายามแข่งขันกันในเรื่องของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ปัจจุบันยังไม่มีการใช้งานจริง และในอนาคต ก็ยังไม่มีใครยืนยันว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นถึงแนวทางการพัฒนาด้านต่างๆ ที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆคน ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เรื่องของการนำเทคโนโลยีมาใช้จัดการจราจรเพื่อลดปัญหาที่นับวันจะรุนแรงขึ้นในหลายๆพื้นที่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ และตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการนำเสนอผลวิจัย งานต้นแบบมาหลายครั้ง และล่าสุดในงานมหกรรมแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค 2015 (International Consumer Electronics Show 2015) หรือ CES ประจำปี 2558 ที่ลาสเวกัส สหรัฐ ซึ่งเพิ่งจบไปเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็มีนวัตกรรมหรือว่าแนวคิดเกี่ยวกับยานยนต์ที่น่าสนใจ อย่างเช่น ฟอร์ด ที่ประกาศแผน สัญจรอัจฉริยะ (Ford Smart Mobility) และโครงการทดลองด้านการสัญจร 25 โครงการทั่วโลกที่เปิดตัวในปีนี้เพื่อทดสอบแนวคิดใหม่ๆ ในการสัญจร มาร์ค ฟิลด์ส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์ด กล่าวว่า ฟอร์ด ยังมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นคือ การขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ ในทุกภาคส่วนในการดำเนินธุรกิจเพื่อนำเสนอทั้งรถยนต์และแนวทางในการสัญจรในรูปแบบต่างๆ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการเปลี่ยนวิธีการเดินทางของผู้คนโลก เช่นเดียวกับที่เฮนรี ฟอร์ด เคยทำเมื่อ 111 ปีที่แล้ว โครงการทดลองด้านการสัญจร 25 โครงการทั่วโลก ฟอร์ดแบ่งออกเป็น อเมริกาเหนือ 8 โครงการ ยุโรปและแอฟริกา 9 โครงการ เอเชีย 7 โครงการ และ 1 โครงการในอเมริกาใต้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างรูปแบบการคมนาคมและการสัญจรรูปแบบใหม่ๆ ในระยะ 10 ปีข้างหน้า ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งโครงการที่ฟอร์ดสนับสนุน และโครงการที่ฟอร์ดริเริ่มเอง 14 โครงการ ประกอบไปด้วย การขับเคลื่อนข้อมูลขนาดใหญ่,ข้อมูลเจาะลึกของผู้ใช้รถ, ข้อมูลเพื่อการประกันการขับขี่, การควบคุมตำแหน่งจากทางไกล,การขับขี่ในเมืองตามคำสั่ง,รถรับส่งสาธารณะ, การแลกเปลี่ยนรถ: เดียร์บอร์น มิชิแกน,ร่วมใช้รถฟอร์ด, แบ่งปันการใช้รถ, การชาร์จรถอย่างรวดเร็วและการแบ่งปันรถ, ข้อมูลเพื่อการประกันสุขภาพ, ระบบหาที่จอดรถ, วงจรข้อมูล และ จอดรถอย่างไม่ยุ่งยาก แนวคิดคร่าวๆ ของโครงการ ก็คือ การจัดการ 4 ปัญหาสำคัญ คือ การที่ประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การขยายตัวของชนชั้นกลาง ปัญหาคุณภาพอากาศและสาธารณสุข และการปรับเปลี่ยนทัศนคติและการจัดลำดับความสำคัญของผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายหลักลดการใช้รถส่วนตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมือง และคิดค้นเทคโนโลยีค้นหาพื้นที่จอดรถในเมือง การค้นหาเส้นทางสัญจรที่เร็วกว่าท่ามกลางการจราจรแออัด และการใช้ระบบนำทางรวมถึงเครื่องมืออื่นๆ เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ในพื้นที่ห่างไกล ขณะที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์รายใหญ่ คอนติเนนทอล ก็นำเทคโนโลยีที่เรียกว่า eHorizon ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จกับการใช้ในผู้ให้บริการรถบรรทุกสแกนเนีย ซึ่งสามารถประหยัดน้ำมันดีเซลได้ 63 ล้านลิตร ตั้งแต่ปี 2555 หลักการก็คือ การใช้แผนที่ดิจิทัลเพื่อช่วยเตรียมการเดินทาง โดยการตรวจเช็คสถานการณ์บนถนนล่วงหน้า ส่วนสิ่งที่เอามาแสดงในงานนี้เป็นการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น โดยร่วมมือกับพันธมิตรอย่างไอบีเอ็ม และคลาวด์ เฮียร์ โดยการใช้งานฐานข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ของไอบีเอ็มจะทำให้รู้ข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น สภาพอากาศ อุบัติเหตุ หรือการจราจรที่ติดขัด ขณะที่ระบบคลาวด์จะเปลี่ยนแผนที่ดิจิทัล ให้กลายเป็นผู้ให้บริการข้อมูลที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งคอนติเนนทอล บอกว่ามีประโยชน์มากกว่าการใช้เทคโนโลยีนี้นำทางเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้การประมวลผล ยังสั่งการช่วยเหลือผู้ขับขี่อีกหลายอย่าง เช่น การเบรก หรือการบังคับพวงมาลัยเพื่อเตรียมการได้ล่วงหน้า และการขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น ถ้าระบบ เตือนผู้ขับว่า เมื่อผ่านโค้งนี้ไปจะเจอกับรถติด ระบบอัตโนมัติจะลดความเร็วลง "อีฮอไรซัน ทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับเซ็นเซอร์รถยนต์” คอนติเนนทอลบอกอีกว่าระบบนี้ยังมีผลดีต่อรถกลุ่มไฮบริด และรถพลังงานไฟฟ้า เพราะอุปสรรคตามเส้นทาง หรือว่าสภาพอากาศอาจมีผลต่อระยะทางการใช้งาน แต่หากมีระบบตรวจสอบที่แม่นยำขึ้น ให้ข้อมูลแบบทันทีทันใด ก็จะทำให้การวางแผนเส้นทางทำได้ดีขึ้น Tags : เทคโนโลยี • ยานยนต์ • ตลาดรถยนต์ • รถหรู • นวัตกรรม • ประสิทธิภาพ • จราจร • สมรรถนะ • ควบคุม