รถกลุ่มเอสยูวีมีกระแสการตอบรับที่ดีขึ้น เป็นผลจากไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน รวมไปถึงค่ายรถเองก็มีสินค้าที่หลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกตามความต้องการและลักษณะการใช้งานมากขึ้น ส่งผลให้การเลือกรถ ตรงกับการใช้งานมากขึ้น และการขยายตัวก็เกิดขึ้นในทุกตลาด ทั้งตลาดล่างและตลาดบน ในส่วนของเบนซ์' class='anchor-link' target='_blank'>เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีรถหลากหลาย เริ่มตั้งแต่กึ่งเก๋งกึ่งเอสยูวี หรือจะเรียกว่า ครอสโอเวอร์ ก็มีจีแอลเอ ทำตลาด ซึ่งล่าสุด เบนซ์' class='anchor-link' target='_blank'>เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็ยังเสริมความหลากหลายในตลาดนี้ด้วยช่วงล่างรุ่นพิเศษ แบบออฟโรด เพิ่มอารมณ์ดุดัน ใหญ่ขึ้นมา ก็มี เอ็ม-คลาส,จี-คลาส และ จีแอล-คลาส ในส่วนของ เอ็ม-คลาส มีทำตลาด 2 รุ่น คือ เอ็มแอล 250 บลูเทค เอ็กเซ็กคิวทีฟ 4.59 ล้านบาท และ เอ็มแอล 250 บลูเทค เอเอ็มจี ไดนามิค ราคา 5.09 ล้านบาท โครงสร้างพื้นฐานและทางเทคนิค เหมือนกัน จะแตกต่างกันก็ตรงที่ตัวเอเอ็มจีที่อยู่ในมือผมมีออพชั่นที่สูงกว่า เช่น มือจับสีเดียวกับตัวรถพร้อมคิ้วโครเมียม กล้องมองหลังขณะถอย ซันรูฟ บันไดข้าง พวงมาลัยหุ้มหนัง ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร แผงคอนโซลหน้าและแผงประตูหุ้มหนัง เครื่องเล่นดีวีดี 6 แผ่น ระบบนำทาง ระบบสั่งการด้วยเสียง และแน่นอน ชุดแต่งเอเอ็มจี อย่าง ชุดบอดี้สไตล์ ซึ่งประกอบไปด้วย กันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง ด้านเทคนิค ก็มีดิสค์เบรกหน้าแบบมีช่องระบบความร้อน และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/45 R20 ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นเอ็กเซ็กคิวทีฟ ที่ใช้ยางขนาด 255/50 R19 เครื่องยนต์ดีเซล 2,143 ซีซี 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ รีดกำลังออกมาได้ 204 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600-1,800 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 7จี-โทรนิค พลัส 7 สปีด พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองที่พวงมาลัย ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่ หรือระบบความปลอดภัย ก็ใส่มาเต็มที่ นำโดยระบบที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายดาวสามแฉก คือ พรีเซฟ ที่จะเตรียมระบบการทำงานที่เกี่ยวข้องเมื่อรถตรวจจับอาการได้ว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมรอบคัน ทั้งด้านหน้า พร้อมระบบเซ็นเซอร์วัดแรงปะทะ ทำงด้านข้าง 4 ตำแหน่ง ม่านถุงลมป้องกันศีรษะ ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (4ETS) ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ หรือ ESP ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี เบรกเอบีเอส ระบบเพิ่มแรงเบรก ระบบช่วยออกตัวบนเนิน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบตั้งความเร็วขณะลงเขา ซึ่งช่วยได้เยอะสำหรับผู้ที่ไม่ชินกับการขับรถลงทางลาดชัน ไม่รู้จะใช้เบรกอย่างไร ใช้เกียร์อะไร ก็เลือกใช้ระบบนี้เสียทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีระบบเตือนแรงดันลมยาง ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ ระบบเตือนผู้ขับขี่ที่เหนื่อยล้า เอ็มแอล 250 เป็นรถแบบ 5 ที่นั่ง ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายกว้างขวางใส่ของได้เหลือเฟือ เรียกว่าครอบครัว 5 คน เดินทางไปเที่ยว ได้แบบสบายๆ และยังเหลือพื้นที่ให้ซื้อฟักแฟงแตงโม สินค้าโอท็อปกลับมาอีกหอบใหญ่ และออกแบบให้ยกของขึ้นลงได้สะดวกกับขอบเตี้ย พื้นเรียบ จุดเด่นหลักอย่างหนึ่งของเอ็มแอลในด้านการใช้งานคือ ห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบาย บวกกับความนุ่มนวลของช่วงล่าง ทำให้เป็นรถขวัญใจคนนั่ง เพราะอย่างน้อยการเดินทางของผมเที่ยวนี้จากกรุงเทพมุ่งหน้านครสวรรค์ที่ใช้เวลา 2 ชม.เศษ เมื่อถึงที่หมายก็มีเสียงชมไม่ขาดปากของคนนั่งว่านั่งได้สบาย คุยกันได้หลายเรื่องตั้งแต่ต้นทางจนเกือบไม่รู้ตัวว่าถึงที่หมายแล้ว ครับตรงนี้เป็นตัวชี้วัดอย่างดี เพราะลำพังถ้าทดสอบคนเดียว ก็จะรู้ความรู้สึกเมื่อนั่งในตำแหน่งหลังพวงมาลัยเท่านั้น แต่ถ้ามีผู้โดยสารไปด้วย ก็จะรู้รายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม ในการเลือกรถใช้งานจริงก็เช่นเดียวกันครับ เมื่อจะลองรถก็พากันไปหลายๆคน หมดบ้านได้ยิ่งดี ใครประจำตำแหน่งไหนก็ลองนั่งตำแหน่งนั้นดู ไม่เฉพาะผู้ขับขี่เท่านั้น ก่อนหาฉันทามติเลือกรถสักคัน การขับขี่มีระบบให้เลือกคือ E หรือระบบทั่วไป เน้นประหยัดหน่อย S เพิ่มความจัดจ้านของเครื่องยนต์ให้ได้อารมณ์สปอร์ตเพิ่มขึ้น และ M หรือการเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตนเอง กำลังเครื่องยนต์หายห่วงครับ ไม่ว่าจะเป็นการทำความเร็วซึ่งข้อมูลจากโรงงานบอกว่า ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 210 กม./ชม. ส่วนเท่าที่ผมใช้สูงสุดอยู่ระดับ 180 ขณะที่อัตราเร่งโรงงานระบุว่า 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 9 วินาที ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างเร็วสำหรับรถประเภทนี้ ช่วยให้มันมีความตื่นตัว กระฉับกระเฉง ช่วยได้มากกับการลัดเลาะฝ่าฝูงรถที่กระจัดกระจายอยู่เลนบนท้องถนน ไม่สนว่าขับเร็วหรือขับช้า และก็ช่วยให้สบายใจกับการเร่งแซงในเส้นทางลัดเลาะจากนครสวรรค์เข้าอุทัยธานีไปบ้านไร่ ก่อนตัดออกด่านช้างกลับกรุงเทพ ซึ่งในเส้นทางนี้เป็นถนน 2 เลนสวนทางยาวๆ ทำให้ต้องพึ่งพาอัตราเร่งบ่อยครั้ง ช่วงล่างเอ็มแอล มีความนุ่มนวลที่ชัดเจน ทำให้นั่งได้สบาย จัดการกับสภาพถนนหลายๆช่วงที่ขรุขระได้ดี แต่ก็ไม่ทิ้งเรื่องของความมั่นใจในการขับขี่ ทั้งทางตรงหรือว่าทางโค้ง แม้ว่าในโค้งจะรู้สึกได้ถึงการให้ตัวของตัวถัง แต่ก็เชื่อใจได้เช่นเดียวกันว่ารถยังอยู่ในลู่ในทาง ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นกับการเปลี่ยนเลนไปมาอย่างรวดเร็ว เช่น ช่วงการเร่งแซง เมื่อดึงรถกลับช่องทางเดิมด้วยความเร็วค่อนข้างสูง รถจัดระเบียบได้อย่างรวดเร็ว ตรงนี้เป็นบุคลิกของเบนซ์' class='anchor-link' target='_blank'>เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ยังไม่ทิ้งอารมณ์หรู สบายๆ ซึ่งอาจจะต่างจากคู่แข่งสำคัญที่เน้นอารมณ์สปอร์ตที่ชัดเจนมากกว่า แต่เอ็มแอล ก็น่าจะมีความได้เปรียบกรณีที่เป็นเอสยูวีของครอบครัว ที่นั่งสบาย เดินทางไกลได้ดี คนนั่งก็ไม่เหนื่อย คนขับก็ไม่เหนื่อยเช่นกันครับ Tags : เมอร์เซเดส-เบนซ์ • ยานยนต์ • ครอบครัว • รถเอสยูวี • ไลฟ์สไตล์ • ตลาดรถยนต์ • เอ็มแอล 250 • เบนซ์