หลังจากที่ Motorola เปิดตัว Moto X (2nd Edition หรือ 2014 Edition) ก็แล้วแต่คนจะเรียก อย่างที่เราทราบๆกันว่า โทรศัพท์รุ่นนี้ หรือจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนๆ ของ Motorola ก็ตาม ณ ตอนนี้ ไม่มีขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่เนื่องจากความเป็นสาวกที่จงรักภักดี ก็ทำให้ผมจัดการด้วยวิธีการต่างๆ นานา จนได้มาเป็นเจ้าของจนได้ วันนี้ขอเอาผลการลองใช้ในเวลาเดือนเศษๆ มาแบ่งปันครับ ไม่อยากจะเรียกว่ารีวิวเพราะไม่เคยเขียนมาก่อน ยังไงก็ลองอ่านกันดูนะครับ ขอเริ่มจากรูปร่างภายนอกก่อนครับ รูปนี้เปรียบเทียบกับ Moto X 1st Edition ครับ จะเห็นได้ว่าใหญ่กว่าพอสมควร แต่ก็เป็นเพราะว่าขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นถึงครึ่งนิ้ว อันนี้ด้านหลังครับ ของผมฝาหลังเป็นหนังสีน้ำเงินขอบสีเงิน ส่วนอีกเครื่องนึงของแฟนผมสีชมพูสดใส ขอบสีทองครับ ด้านข้างและบนล่าง ส่วนอันนี้ลองให้ดูเทียบกับอุปกรณ์อื่นที่มีนะครับ มี Sony Xperia Z1 และ iPad mini ครับ ในส่วนของการใช้งาน ผมคิดว่าเมื่อตอนเปิดขึ้นมาครั้งแรกนี่ มันรู้สึกว่าจอสว่างมากเลยครับเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องเก่า และกว่าที่ผมจะได้เครื่องมาเนี่ย ก็ได้มีการออกอัพเดต Lollipop มาแล้ว ซึ่งผมก็ทำการอัพเดตเลยตั้งแต่เมื่อเปิดตัวครั้งแรก ความแตกต่างของทั้งสองรุ่นก็จะชัดเจนมาก ซอฟต์แวร์ ผมคิดว่าคนที่อยากจะได้ Moto X มาใช้เนี่ยส่วนหลักๆ (นอกจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบภายนอกได้) ก็คือความต้องการอยากใช้ส่วนเสริมซอฟต์แวร์ของทาง Motorola ซึ่งคราวนี้ได้รวมกันมาเป็น Moto Suite ซึ่งแบ่งเป็น Assist Sleeping โหมดนี้เราสามารถเซ็ตให้โทรศัพท์สามารถไม่ส่งเสียงเตือนในเวลาที่เราหลับได้ และสั่งให้ปิดหน้าจอไว้ได้ โหมดนี้จะต้องมีการตั้งเวลาไว้ล่วงหน้า Driving โทรศัพท์จะสามารถรู้ได้ว่าเรากำลังอยู่บนรถที่กำลังเคลื่อนไหว และจะถามเราว่าจะให้อ่านข้อความให้ฟังหรือไม่ รวมถึงสามารถตั้งให้เล่นเพลงผ่าน Bluetooth ได้ Home ถ้าเราเซ็ตไว้ ระบบถามว่าให้อ่านข้อความให้ฟังหรือไม่ โหมดนี้ต้องมีการตั้ง Location ของบ้านไว้ Meeting จะดูจาก Appointment ที่เรามีอยู่ใน Calendar และจะสามารถตั้งให้ Silent ได้ Actions อย่างที่หลายๆคนทราบแล้วว่า ที่ผั่งหน้าจอของ Moto X รุ่นนี้ มีการฝังเซนเซอร์ไว้รอบๆหน้าจอ เพื่อที่จะนำมาใช้ร่วมกับฟังก์ชั่นตัวนี้ ซึ่งจะมีผลกับทั้ง Wave for Silence ที่ใช้ ปิดเสียงเรียกเข้าหรือเลื่อนการตั้งปลุก (snooze) และ Approach for Moto Display ซึ่งเมื่อยื่นมือเข้าไปใกล้ ตัว Moto Display จะแสดงขึ้นมา ส่วนฟังก์ชั่นที่เหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่กลับกลายเป็นฟังก์ชั่นที่ใช้มากที่สุดคือ Twist for Quick Capture ซึ่งใช้การสบัดข้อมือสองครั้งเพื่อเข้าสู่กล้องถ่ายรูป Voice Moto Voice คราวนี้ถูกอัพเกรดมาให้สามารถตั้งคำที่เราจะปลุกเครื่องด้วยตัวเองได้ แต่แน่นอนครับว่า ต้องเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนตัวผมก็ตั้งตามประสาคนคลั่งหนัง Marvel ว่า Okay, Jarvis เวลาเสียบหูฟังที่มีไมโครโฟน ฟังก์ชั่นนี้ก็จะฟังเราตลอดเหมือนกันครับ Display นี่น่าจะเป็นฟังก์ชั่นที่ผมใช้แล้วรู้สึกว่าติดที่สุดเลย กับรุ่นใหม่ที่ปรับปรุงให้สามารถแสดงสลับไปมาระหว่างการแจ้งเตือนสามอย่างได้ สรุป ข้อดี หน้าจอสวย สว่าง สดใส Moto Suite มีประโยชน์มาก ใช้แล้วติด น้ำหนักค่อนข้างเบา หน้าจอใหญ่ แต่ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่มาก สามารถปรับแต่งด้านนอกได้อย่างที่ต้องการ (ฝาหลังเป็นหนัง ทำให้เวลาใช้นานๆ รู้สึกไม่ค่อยร้อนเท่าไรด้วย) ข้อติ แบตเตอรี่ ผมใช้ได้ทั้งวันจริงๆ ตามที่โฆษณา แต่ถ้าเล่นเกมหนักๆ ไม่น่าจะได้สักเท่าไร ได้เวลา screen on time ประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง จริงๆ หวังมากกว่านี้ (แต่ว่าก็ใช้ได้นานกว่ารุ่นที่แล้วนะ) กล้อง ไม่ต้องหวังอะไรมาก ถ่ายได้ดีบ้าง แต่ออกไม่ค่อยดีซะมากกว่า เนื่องจาก Moto X เป็น Android รุ่นแรกๆที่ได้รับการอัพเดตเป็น Lollipop ก็เลยทำให้เวลาใช้แล้วมันถูกใจผมมาก เนื่องจากโดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าแนวทาง Material Design นี่มันใช่มากๆ และก็มีหลายๆ อย่างที่ทำให้เราสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่เราสามารถรู้ได้ว่าแบตเตอรี่จะอยู่ได้อีกนานประมาณเท่าไร และต้องใช้เวลานานขนาดไหนในการชาร์จ เวลาที่ Wi-Fi ที่ใช้อยู่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์จะปรับไปใช้อินเทอร์เน็ต 3G อัตโนมัติ แต่ก็ยังมีบั๊กอยู่บ้าง แต่ก็หวังว่าจะมีออกอัพเดตในเร็ววันครับ Moto X, Motorola, Review