"แบงก์กรุงไทย" ลุ้นรับอานิสงส์โครงการลงทุนภาครัฐหนุนสินเชื่อโต ชี้มีผลิตภัณฑ์พร้อมลุย เผยอาจไม่ต้องลดเป้าหลังความต้องการเริ่มฟื้นตัว นายอุดมศักดิ์ โรจน์วิบูลย์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่ม กลุ่มธุรกิจขนาดกลางนครหลวง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ธนาคารเตรียมที่จะพิจารณาปรับลดเป้าหมายสินเชื่อรวม และเป้าหมายสินเชื่อเอสเอ็มอีลง โดยตัวเลขที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ให้ข่าวไปก่อนหน้านี้เป็นตัวเลขคาดการณ์เท่านั้น จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ยังไม่ได้เป็นเป้าหมายทางการจากคณะกรรมการธนาคาร แต่เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนขึ้น ในขณะนี้ทำให้ธนาคาร อาจไม่จำเป็นต้องปรับเป้าหมายสินเชื่อลง โดยจะมีการพิจารณาอีกครั้ง หลังจากเห็นผลประกอบการไตรมาส 2 เช่นเดียวกับสินเชื่อเอสเอ็มอีที่อาจจะไม่จำเป็นต้องปรับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% ก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะหากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถผลักดันให้เกิดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ ธนาคารกรุงไทย จะได้รับอานิสงส์ ในการขยายสินเชื่อ เนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารมุ่งเน้นลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างโครงการภาครัฐ และในปีที่ผ่านมาธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์มารองรับ เช่น การออกหนังสือค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอีเพื่อรับงานภาครัฐ สามารถอนุมัติสินเชื่อภายใน 1 วัน ที่สามารถนำมาให้บริการได้ทันทีที่มีโครงการออกมา โดยปัจจุบันธนาคารถือเป็นผู้นำในตลาดรับเหมาก่อสร้าง โดยมีสัดส่วนของพอร์ตสินเชื่อ 20% ของสินเชื่อเอสเอ็มอีที่มี 3.5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ KTB Transformation ที่จะเป็นการปรับกระบวนการทำงานครั้งใหญ่ของธนาคาร ที่จะช่วยให้การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น และเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้ ธนาคารจะเปิดสำนักธุรกิจครบตามแผนที่ตั้งไว้ เขากล่าวอีกว่า นอกจากกลุ่มรับเหมาก่อสร้างแล้ว สินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารจะมุ่งเน้นอีก 2 ได้แก่ กลุ่มอาหารแปรรูปและภาคการส่งออก ที่จะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ในขณะนี้ยังช่วยให้ภาคการส่งออก ได้รับผลในเชิงบวกอีกด้วย ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปีคงจะไม่เติบโตมากนัก แต่จะเลือกเป็นบางโครงการที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ สำหรับทิศทางสินเชื่อเอสเอ็มอีภายหลังจากการรัฐประหาร ทำให้แนวโน้มความต้องการสินเชื่อกลับมาดีขึ้นจากก่อนหน้านี้ชะลอแผนการลงทุนใหม่ออกไป เพราะในขณะนี้ผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจ ซึ่งที่ผ่านมานักธุรกิจอยากรู้ว่าเหตุการณ์จะสงบอย่างไรจึงชะลอแผนการขยายกำลังการผลิตออกไป แต่ในขณะนี้เริ่มมีเม็ดเงินเข้ามา หลังจากที่ชาวนาได้รับเงินในโครงการจำนำข้าว เศรษฐกิจก็จะเริ่มดีขึ้น โดยเครื่องมือเครื่องจักรภาคเกษตรมีสัญญาณที่ดี "ก่อนหน้านี้ดูไม่ออก จะทำอะไรก็ไม่ได้ ลูกค้าที่จะลงทุนก็เบรก เมื่อมีทหารมา คิดว่าเหตุการณ์จะสงบไปอย่างน้อย 1 ปี เกษตรกรเริ่มมีรายได้เข้ามา จากการที่อาร์เอ็มของธนาคาร ได้เข้าไปสำรวจลูกค้า พบว่ายังดีอยู่ จากก่อนหน้านี้หยุดขยายธุรกิจ ตอนนี้เริ่มกลับมาทบทวนแผนการลงทุนอีกครั้ง เช่น ธุรกิจปุ๋ย เครื่องมือเครื่องจักรการเกษตร ร้านค้าย่อยในต่างจังหวัด เพราะเกษตรกรมีการชำระหนี้ และมีความสามารถในการสร้างหนี้ได้ใหม่" ทั้งนี้ใน 1-2 เดือนนี้ธนาคารมีแผนที่จะปรับแพ็คเกจการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีจากก่อนหน้านี้ที่ให้ความช่วยเหลือแบบเป็นรายๆไป ส่วนการปรับเงื่อนไขการให้สินเชื่อในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เข้มขึ้น โดยจะพิจารณาจากกระแสเงินสดของลูกค้าเป็นหลัก และยังมีการให้สินเชื่อตามปกติโดยจะเลือกลูกค้าที่มีศักยภาพในแต่ละกลุ่มธุรกิจ Tags : อุดมศักดิ์ โรจน์วิบูลย์ชัย • กรุงไทย • สินเชื่อ