"เกศรา มัญชุศรี" เร่งสมาคมนักวิเคราะห์ ออกบทวิจัยรับมือราคาน้ำมันร่วง ชี้ต้องการให้ข้อมูลนักลงทุนครบถ้วน นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้หารือกับสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เพื่อให้นักวิเคราะห์ได้จัดทำบทวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงว่า จะมีผลกระทบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างไรบ้าง โดยจุดประสงค์ของตลาดหลักทรัพย์ ต้องการสร้างความเข้าใจกับนักลงทุน เกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง เพื่อให้นักลงทุนสามารถรับมือกับผลกระทบดังกล่าวได้ "ตลาดหลักทรัพย์ได้หารือกับสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เพื่อให้ทางสมาคมช่วยออกบทวิเคราะห์ ประเมินผลกระทบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ว่าแต่ละกลุ่มว่าจะมีผลกระทบอย่างไรกับราคาน้ำมัน เพราะที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวลดลงต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้นักลงทุนวิตกกับผลกระทบซึ่งแท้จริงแล้วผลกระทบในรายกลุ่มอุตสาหกรรมอาจมีความแตกต่างกัน" สาเหตุที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องหารือ ให้มีบทวิเคราะห์รูปแบบดังกล่าวออกมา เพราะที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ มีสัดส่วนของหุ้นในกลุ่มพลังงานน้ำมันถึง 20% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลงส่งผลกระทบกับดัชนีหุ้น ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อีกทั้งผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาอาจต่ำกว่าที่นักลงทุนให้ความคาดหมายไว้กับราคาหุ้น มีความจำเป็นที่ต้องให้นักลงทุนได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนและรอบด้านเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน นางภรณี ทองเย็น อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ส่งผลกระทบกับกำไรบริษัทจดทะเบียนโดยรวมแน่นอน เพราะที่ผ่านมา บริษัทในกลุ่มพลังงาน ทั้งกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี มีกำไรสัดส่วน 30 % ของกำไรบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจาก 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหลือ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ 1 รายได้ที่ปรับตัวลดลง และ 2 การขาดทุนสต็อกน้ำมัน แม้จะมีกลุ่มที่ได้รับผลดีอย่างกลุ่มขนส่ง ที่มีต้นทุนลดลง แต่กลุ่มดังกล่าวมีสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับภาพรวม จากปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน ส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส ต้องปรับบทวิเคราะห์ไตรมาส 4 ใหม่ถึง 2 ครั้ง ครั้งล่าสุดประเมินว่า ผลการลดลงของราคาน้ำมัน จะส่งผลให้กำไรในกลุ่มบริษัทพลังงานของปี 2557 จะปรับตัวลดลงที่ 55,000 ล้านบาท ส่งผลต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนโดยรวมปี 2557 จะหดตัวลงจากปี 2556 ติดลบ 3% จากก่อนหน้าที่ประเมินไว้ว่าจะติดลบ 1% ส่วนผลการดำเนินงานปี 2558 กำไรกลุ่มพลังงานจะปรับตัวลดลง 57,000 ล้านบาท แต่การเติบโตของกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 16.7% การปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นรอบนี้ ประเมินว่า เกิดจากแรงขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือแอลทีเอฟมากกว่า โดยแอลทีเอฟที่ครบอายุ 5 ปีพร้อมที่จะขายออกมามีเม็ดเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่สิ่งที่น่าห่วงมากกว่าคือเม็ดเงินแอลทีเอฟที่พร้อมจะขายตั้งแต่มีการจัดตั้งกองทุน อยู่ที่ระดับ 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมาก แต่ทั้งนี้ประเมินว่าเม็ดเงินดังกล่าวน่าจะเป็นเม็ดเงินที่คาดหวังการลงทุนระยะยาว ไม่น่าจะเกิดแรงขายในระยะสั้น ทั้งนี้ช่วงวันที่ 26-27 ม.ค.ตลาดหลักทรัพย์ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เพื่อจัดงาน เซ็ท ไทย คอปอร์เรท เดย์ 2015 ซึ่งงานดังกล่าวเป็นการนำนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเข้ามารับฟัง ความน่าสนใจของบริษัทจดทะเบียนไทย ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศจีเอ็มเอส โดยปัจจุบันมีมากกว่า 100 บริษัทที่มีกำไรมาจากยอดขายในกลุ่มประเทศดังกล่าว หรือคิดเป็น 17 % ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นทั้งหมด และทางตลาดหลักทรัพย์ต้องการผลักดันให้กลุ่มธุรกิจในต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น การจัดงานในครั้งนี้จะมีบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น 40 บริษัทเข้าร่วม มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกันที่ 3.4 ล้านล้านบาท หรือ 25% ในเบื้องต้นนั้นได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันทั้งไทย และต่างชาติแล้วมากกว่า 100 ราย ที่จะเข้าร่วมงาน ทั้งนี้ในปี 2558 ตลาดหลักทรัพย์เตรียมแผนจะไปโรดโชว์ในต่างประเทศ ทั้ง ประเทศอังกฤษ ญี่ปุ่น สหรัฐ สิงคโปร์ และกลุ่มสหภาพยุโรป โดยจะนำบริษัทขนาดกลางที่พร้อมจะเติบโต ไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติ Tags : เกศรา มัญชุศรี • ตลาดหลักทรัพย์ • สมาคมนักวิเคราะห์ • บทวิเคราะห์ • ราคาน้ำมัน