"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย" ชี้ส่งออกไทยไปสหภาพยุโรปปีนี้ปัจจัยลบเพียบ โดยเฉพาะการถูกตัดสิทธิ์จีเอสพี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ส่งออกไทยไปอียูปี 2558 เผชิญสารพัดปัจจัยลบ โดยเฉพาะการถูกตัดสิทธิ์จีเอสพี ทำให้ไทยสูญเสียสิทธิประโยชน์ทางภาษีไม่ต่ำกว่า 252 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ปัจจัยที่กดดันการส่งออกของไทยไปสหภาพยุโรป (อียู) ปี 2558 ที่ต้องจับตามี 3 ด้าน คือ การพลิกฟื้นเศรษฐกิจอียูที่ปราะบางอย่างมาก ประกอบกับการแข็งค่าเงินบาทต่อเงินยูโรเมื่อเทียบกับค่าเงินด่องของเวียดนามและค่าเงินรูเปี๊ยะห์ของอินโดนีเซีย ทำให้สินค้าไทยเสียเปรียบคู่แข่ง และเป็นจังหวะเวลาเดียวกับที่ไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ทุกรายการสินค้าจากอียู ทำให้ไทยสูญเสียสิทธิประโยชน์ทางภาษีไม่ต่ำกว่า 252 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่าสารพัดปัจจัยลบดังกล่าวซ้ำเติมผู้ประกอบการไทยให้ต้องแบกรับภาระต้นทุนทั้งที่เกิดจากค่าเงินและภาระทางภาษีที่เพิ่มขึ้น กดดันการส่งออกของไทยไปอียูปี 2558 อาจเติบโตในอัตราที่ชะลอลงมาอยู่ในกรอบร้อยละ 0.5 – 3.5 จากที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.6 ในปี 2557 ภายใต้สมมติฐานคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจอียูที่ประมาณร้อยละ 1.1 ในปี 2558 อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์เศรษฐกิจยุโรปย่ำแย่ลงกว่าที่คาดการณ์ก็มีโอกาสฉุดการส่งออกของไทยไปอียูหดตัวได้ในที่สุด นอกจากนี้ ปี 2558 เป็นปีที่ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญความท้าทายอย่างมากไม่เพียงจะต้องคงคุณภาพของสินค้าไทยเพื่อจับตลาดอียูท่ามกลางการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรงขึ้น ยังต้องบริหารจัดการต้นทุนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากค่าเงินและอัตราภาษีที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3-4 เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องตระหนัก โดยเฉพาะผู้ส่งออกสินค้าในกลุ่มวัตถุดิบขั้นต้น ซึ่งมีความเสี่ยงที่อียูจะเบนเข็มไปสั่งซื้อสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านของไทย อาทิ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง ไก่แปรรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เคมีภัณฑ์ อาหารทะเล เป็นต้น ขณะที่ผู้ส่งออกสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ซึ่งมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการต้นทุนน่าจะพอประคองสถานการณ์ได้มากกว่า อาทิ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รถยนต์ เครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น Tags : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย • ส่งออก • อียู • ยุโรป • ปัจจัยลบ